ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เวียดนามผวาหนัก ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 แพร่ระบาดพุ่งสู่หลักพัน

ภาพเอเอฟพีวันที่ 5 ส.ค.2552 ชายกลุ่มนี้นั่งอยู่ที่สถาบันโรคเขตร้อนแห่งชาติกรุงฮานอย การแพร่ระบาดลกุลามเร็วมาก เพียงข้ามวันจำนวนผู้ป่วยเพิ่มเป็นหลักพันครั้งแรก และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน ซึ่งได้สร้างความวิตกไปทั่ว

ASTVผู้จัดการออนไลน์ – ทางการเวียดนามเร่งหามาตรการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังจากมีการยืนยันผู้เสียชีวิตรายแรก ซึ่งได้สร้างความวิตกไปทั่ว ขณะที่จำนวนผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นเป็หลักพันครั้งแรก ซึ่งเป็นอัตราเพิ่มที่เร็วมาก

นพ.เหวียนฮวีงา (Nguyen Huy Nga) ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันทางสาธารณสุขกล่าวว่า จนถึงวันพุธ (5 ส.ค.) นี้ โรงพยาบาลทั่วประเทศรับผู้ป่วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่เข้ารักษาราว 1,000 ราย ไม่มีคนไข้รายใดเสียชีวิตเพิ่มอีก หลังจากรายแรกได้รับการยืนยันจากโรงพยาบาลทหารใน จ.แค๊งฮว่า (Khanh Hoa) เมื่อวันจันทร์

สตรีวัย 28 ปี ซึ่งป่วยจากการติดเชื้อไวรัส A/H1N1 หรือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้เสียชีวิตลงด้วยระบบทางเดินหายใจล้มเหลว

นายเจืองเติ่นมีง (Truong Tan Minh) อธิบดีกรมควบคุมการแพร่ระบาด กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า เหยื่อรายนี้ไปพบแพทย์ช้าเกินไป โดยเริ่มมีอาการป่วยในวันที่ 25 ก.ค. และรอจนถึงวันที่ 29 จึงไปพบแพทย์

“ถ้าหากได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ สถานการณ์จะแตกต่างกันมากและเธออาจจะไม่ถึงแก่ชีวิต” นพ.มีงกล่าวกับเวียดนามเอ็กซ์เพรส (Vietnam Express) สำนักข่าวภาษาเวียดนามยอดนิยม

หญิงชายคู่นี้สวมหน้ากากขณะอยู่ในบริเวณสถายันโรคเขตร้อนกรุงฮานอย ภาพเอเอฟพีวันที่ 5 ส.ค.2552 ที่นั่นเป็นศูนย์กลางในเมืองหลวงของประเทศ รับผู้ป่วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่เข้ารักษาโดยเฉพาะ AFP PHOTO/HOANG DINH Nam

นพ.เจิ่นตีงเฮียน (Tran Tinh Hien) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโรคเขตร้อน นครโฮจิมินห์กล่าวในวันเดียวกันว่า การไปพบแพทย์หลังป่วยได้ 4-5 วันนั้น ถือว่าเข้าขีดอันตราย และยกแก่การรักษา

ตามรายงานของสำนักข่าวทางการ เหยื่อเคราะห์ร้ายคนนี้เป็นเจ้าของร้านเฝอ (ก๋วยเตี๋ยว) ในเมืองญาจาง (Nha Trang) ถูกนำส่งโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 30 ก.ค.วันต่อมาหมอก็ได้ยืนยันว่าเธอล้มป่วยด้วยไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ แต่อาการทรุดลงเรื่อยๆ จึงถูกนำส่งไปยังโรงพยาบาลทหารหมายเลข 87 ในจังหวัด ในตอนเช้าตรู่วันจันทร์ หลังมีอาการโรคปอดอักเสบแทรกซ้อน

หนูน้อยคนนี้เดินอยู่ภายในสถาบันโรคเขตร้อนกรุงฮานอย ภาพถ่ายวันที่ 5 ส.ค.2552 สถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ลุกลามเร็วมาก ทุกเพศทุกวัยต้องสวมหน้ากากป้องกันการติดเชื้อ

ผู้ป่วยรายนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา จนถึงวาระสุดท้าย เวียดนามเอ็กซ์เพรส กล่าว

นพ.มีงกล่าวอีกว่าหมอที่โรงพยาบาลแค๊งฮว่า ได้รักษาด้วยยาทามิฟลู (Tamiflu) ในทันที แต่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว เมื่อนำส่งโรงพยาบาลทหารในจังหวัด อาการก็ทรุดหนักเกินเยียวยา เพราะถึงขั้นปอดอักเสบรุนแรง

ตามตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุข จนถึงวันที่ 1 ส.ค.จำนวนผู้ป่วยเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ในเวียดนาม เพิ่มขึ้นเป็น 868 คน เกือบครึ่งหนึ่งยังคงรักษาอยู่ในโรงพยาบาล จำนวนเพิ่มนับว่ามีอัตราสูงมาก หากเทียบกับที่พบเพียง 300 คนเศษ ในสัปดาห์ปลายเดือน ก.ค. และเพิ่มเป็น 1,000 คนในสัปดาห์นี้.

ที่มา: http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9520000088963

"ไพจิตร์ วราชิต" แถลงข่าวสถานการณ์ สรุปจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009

สธ.แถลงสรุปจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 เพิ่มอีก 16 ราย ยอดตายสะสมเพิ่มเป็น 81 ราย ชี้การระบาดในกทม.และปริมณฑลลดลง ส่วนภูมิภาคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น.....

เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา(5 ส.ค.)น.พ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะแพทย์ แถลงข่าวสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ เอช1เอ็น1 ประจำสัปดาห์ว่า ในรอบสัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.-2 ส.ค.กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ได้ขึ้นทะเบียนผู้เสียชีวิตไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่ จำนวน 16 ราย เป็นชาย 9 ราย หญิง 7 ราย ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 5 ราย โดยมียอดผู้เสียชีวิตสะสม จำนวน 81 รายทั้งนี้ ในจำนวนผู้เสียชีวิต 16 ราย มี 12 รายที่มีโรคประจำตัว โดยอ้วน มีน้ำหนักตัวมากสูงที่สุด รองลงมาเป็นเบาหวาน หอบหืด สูบบุหรี่จัด และหัวใจพิการแต่กำเนิด ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตที่ลดลง เนื่องจากมีความตื่นตัวและเข้าใจโรคนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตามผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ เมื่อมีอาการเจ็บป่วยแล้วมารักษาตัวช้า โดยเฉลี่ยมีอาการป่วยแล้วถึง 5-6 วันจึงมาพบแพทย์ ทำให้มีอาการหนักทำให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสไม่ได้ผล แต่ถือว่าค่าเฉลี่ยระยะเวลาในการมาพบแพทย์หลังเจ็บป่วย สั้นลงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่เฉลี่ยอยู่ที่ 7-8 วัน

รองปลัด กระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า สำหรับยุทธศาสตร์และมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการต่อไป ยังคงเน้นหนักเรื่อง “2 ลด 3 เร่ง” ได้แก่

1.ลดการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด โดยเน้นให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์อย่างรวดเร็ว
2.ลดการติดเชื้อและการป่วยให้มากที่สุด โดยกระตุ้นให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่ถูกต้อง ในการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ และไม่แพร่เชื้อสู่คนอื่นขณะป่วย
3.เร่งให้อสม.กว่า 980,000 คนทั่วประเทศ ออกให้คำแนะนำและค้นหาผู้ป่วยในหมู่บ้านและชุมชนเป็นประจำ
4.เร่งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองได้อย่างถูกต้อง โดยร่วมมือเป็นเครือข่ายกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สสส. สปสช. และ
5.เร่งกระจายการบริหารจัดการสู่ระดับจังหวัด โดยรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ติดตาม กำกับ ให้มีการปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้ในพื้นที่อย่างจริงจัง

ด้าน นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ทั่วโลก พบการระบาดกระจายไปกว่า 160 ประเทศ ซึ่งองค์การอนามัยโลกและศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ได้หยุดการรายงานตัวเลขผู้ป่วยสะสม ตั้งแต่วันที่ 27 ก.ค.2552 ที่ผ่านมา เนื่องจากไม่ได้สะท้อนถึงจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริง ในส่วนของประเทศไทย จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางระบาดวิทยา คาดว่าขณะนี้มีผู้ติดเชื้อประมาณ 3.5-5 แสนคน ส่วนใหญ่หายเป็นปกติแล้วเนื่องจากอาการไม่มาก ซึ่งสอดคล้องกับทั่วโลก การระบาดมีแนวโน้มชะลอตัวลงในกทม.และปริมณฑล ส่วนภูมิภาคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น.

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/24338

คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ไอเป็นเลือดหามส่งโรงพยาบาล งดเยี่ยม

คมชัดลึก :นักเรียนหญิงชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม เสียชีวิตจากอาการปอดติดเชื้อ คาดติดหวัด 2009 ด้าน สสอ.เชียงยืน ไม่กล้าระบุสาเหตุการตาย รอผลแล็ปที่แน่ชัดจากศูนย์วิทยศาสตร์การแพทย์ขอนแก่น

(5 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากลูกข่ายของศูนย์ข่าวทานตะวันขอนแก่น เขต ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม ว่า มีนักเรียนหญิงชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเขต ต.กู่ทอง อ.เชียงยืน เสียชีวิตจากอาการปอดติดเชื้อ เมื่อเวลาประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา สาเหตุคาดว่าจะมาจากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

แหล่ง ข่าวระบุว่า ก่อนเสียชีวิต ทราบว่าผู้ตายได้เดินทางไปอบรมที่ จ.มหาสารคาม พอกลับมาประมาณ 1 สัปดาห์ก็มีอาการเป็นไข้ปวดหัว พ่อแม่คิดว่าเป็นไข้ธรรมดา ประกอบกับช่วงนี้เป็นฤดูกาลทำนา จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก กระทั่งเด็กมีอาการหนัก ญาติจึงนำส่งโรงพยาบาลเชียงยืนประมาณ 1-2 วัน แต่เด็กเสียชีวิตในเวลาต่อมาด้วยอาการปอดติดเชื้อ

ด้านแหล่งข่าวจากสำนักงานสาธารณสุข อ.เชียงยืน ระบุว่า เบื้องต้นมีเด็กนักเรียนเสียชีวิตจริง โดยได้รับทราบจากทาง อสม. ทั้งนี้จากการตรวจสอบสถานีอนามัย ต.กู่ทอง พบว่าไม่มีประวัติคนไข้เข้ารับการตรวจรักษาหรือรับยาแต่อย่างใด และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเสียชีวิตจากการติดเชื้อหวัด 2009 หรือไม่ แต่ทราบว่าผู้ตายได้ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงยืน และมีการส่งเชื้อไปตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ขอนแก่น ซึ่งคงต้องรอผลตรวจที่แน่ชัดอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหารของโรงพยาบาลเชียงยืน แต่ประชาสัมพันธ์ระบุว่า ผอ.โรงพยาบาลติดราชการที่กรุงเทพฯ จึงไม่สามารถให้ข้อมูลใดๆ ได้

"สุดารัตน์"ป่วยเป็นไข้หวัด2009งดเยี่ยม

นายอนุดิษฐ นาครทรรพ สส.กทม. พรรคเพื่อไทยและคนใกล้ชิดคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เปิดเผยว่า ช่วงเช้าของวันนี้คุณหญิงสุดารัตน์ ได้เข้ารักษาตัวที่รพ.บำรุงราษฏร์ เนื่องจากตรวจพบว่าป่วยเป็นไข้หวัดสาย พันธุใหม่ ซึ่งเริ่มจากมีอาการไม่สบาย เป็นไข้มาแล้ว 1 - 2 วัน ทั้งนี้อาจติดเชื้อมาจากการลงพื้นที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้ได้ทำโครงการไทยพึ่งไทย ทำให้ต้องพบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามในระหว่างนี้ส.ส.ในกทม.คงต้องชะลอการไปเยี่ยมเนื่องจากเป็นโรค ติดต่อ คงต้องรอให้ทุเลาและพ้นระยะแพร่เชื้อไปก่อน

"การที่คุณหญิงเป็นอดีตรมว.สาธารณสุขแต่ต้องมาติดเชื้อไข้หวัดอาจ เป็นเพราะการต้องลงพื้นที่ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคมและที่สำคัญมาตรการ ป้องกันการแพร่ระบาดของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์หละหลวม ทำให้การแพร่เชื้อใกล้ตัวกว่าที่คิด" นายอนุดิษฐ กล่าว

วิทยาบอกไม่ต้องวิตกโรคไม่รุนแรงหายได้

แหล่งข่าวคนสนิท คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่า คุณหญิงสุดารัตน์ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เบื้องต้นมีอาการไออย่างรุนแรงมีเลือดผสมในบางครั้ง ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ไปพบแพทย์แล้วครั้งหนึ่งพบว่ามีอาการหลอดลมอักเสบ แต่อาการไม่ดีขึ้นจึงมาพบแพทย์อีกครั้งในวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งแพทย์ให้นอนดูอาการและเก็บเชื้อส่งตรวจห้องปฏิบัติการ จากการตรวจพบว่า คุณหญิงสุดารัตน์มีอาการไอ ไข้สูง หลอดลมอักเสบรุนแรง มีความผิดปกติที่ปอด

"คาดว่าคุณหญิงสุดารัตน์จะติดเชื้อจากการไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งเมื่อ สัปดาห์ก่อน ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาทำงานหนักเพราะลงพื้นที่ช่วยส.ก. ส.ข. รณรงค์เรื่องการป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ทำให้อยู่ในที่ชุมชนซึ่งมีความเสี่ยง แต่ปกติคุณหญิงสุดารัตน์จะมีความระวังและป้องกันตัวอยู่ตลอด โดยพกเจลแอลกอฮอล์ล้างมืออยู่ตลอดเวลา และมักจะเตือนลูกๆ ให้ป้องกันตัวเองเสมอ แต่ที่ติดเชื้ออาจเป็นเพราะทำงานหนักและไม่ค่อยได้พักผ่อน”แหล่งข่าวคนสนิท กล่าว

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่คุณหญิงสุดารัตน์ป่วยเป็นไข้หวัด 2009 โดยอาจจะสอบถามถึงประวัติการติดเชื้อว่าติดมาจากที่ใด อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะติดจากลูกเพราะแนวโน้มการระบาดขณะนี้แพร่จากเด็กไปสู่ผู้ปกครอง จำนวนมาก ขอให้คุณหญิงดูแลสุขภาพให้ดี พักผ่อนให้สบาย อย่ากังวล ไม่กี่วันก็จะหายจากโรคนี้ได้ เพราะโรคไม่ได้รุนแรงหรือน่าวิตกอย่างที่คิด

ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20090806/23206/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%9E.%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1.html