ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

แพทย์แถลงอาการ "ทาทา ยัง" โล่ง ไม่ติดเชื้อไข้หวัด 2009

แพทย์ รพ. สมิติเวช แถลง “ทาทา ยัง” หลอดลมอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย สั่งนอนรักษาตัวอีก 3-4 วัน งดเยี่ยมเพื่อให้พักผ่อนเต็มที่ ด้านนักร้องสาวฝากขอโทษที่ต้องมาป่วยตอนนี้ ไม่สามารถไปงานตามคิวนัดได้...

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า อาการของนักร้องสาวซุปเปอร์สตาร์ ทาทา ยังก็มีอาการป่วยเข้าข่ายเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ถูกนำตัวส่ง รพ.สมิติเวช ช่วงเช้ามืดของวันที่ 21 ก.ค. วันนี้ (22 ก.ค.) พ.ญ.อรอุมา บรรพมัย แพทย์เจ้าของไข้ พร้อมด้วยนายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา ผู้บริหารค่ายโซนี่ มิวสิค ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวถึงผลการตรวจรักษา ว่า วันแรกคนไข้มีไข้สูงเกือบ 39 องศา มีอาการไอเจ็บคอและมีน้ำมูก เข้าข่ายน่าสงสัยจะเป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 แพทย์ได้เจาะเลือดไปตรวจและเอ็กซเรย์ปอด ผลปรากฎว่าเลือดเป็นปกติ ปอดเป็นปกติ คนไข้ไม่ได้ติดเชื้อเอช1เอ็น1 หรือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009

พ.ญ.อรอุมา กล่าวว่า ที่คนไข้มีไข้สูง ไอ และเหนื่อยง่ายมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียในอากาศจนมีอาการหลอดลมอักเสบ แพทย์ได้ให้รักษาโดยให้ยาขยายหลอดลมและยาลดไข้ อาการที่เป็นไม่ถึงกับเป็นอันตรายแต่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ช่วงเช้าคนไข้ยังมีไข้สูง 38 องศา แพทย์ยังต้องดูอาการอย่างใกล้ชิด โดยจะเอ็กซเรย์ปอดและเจาะเลือดไปตรวจทุกวันเพื่อไม่ให้มีอาการปอดอักเสบแทรก ซ้อน คนไข้ยังต้องนอนรอดูอาการในโรงพยาบาลต่อไปอีก 3-4 วัน และยังให้งดเยี่ยมจนกว่าอาการจะดีขึ้น ส่วนอาการไทรอยด์ที่เป็นโรคประจำของคนไข้นั้น สามารถควบคุมได้ ไม่มีผลกระทบอะไรกับการป่วยครั้งนี้

ด้านนายพีรธน กล่าวว่า ทาทายัง ทุ่มเทถ่ายเอ็มวีอัลบั้มเพลงสากลชุดล่าสุด “Ready For Love” ในวันที่ 22 ก.ค. จะมีเอ็มวีเพลงใหม่ออกมาให้ชมกันเป็นครั้งแรก การป่วยครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทาทาจะได้พักผ่อนไปในตัว ในอีก 1-2 เดือนหน้าจึงจะเริ่มไปโปรโมทในเอเชียและยุโรป

ขณะที่ มู่ เฟื่องอารมย์ ผู้จัดการส่วนตัวของนักร้องสาว กล่าวเสริมว่า ทาทายังกังวลเรื่องงานเพราะช่วงนี้งานเยอะมาก ได้บ่นว่าทำไมต้องมาป่วยตอนนี้ แต่กำลังใจยังดีและฝากขอโทษพี่ๆ สื่อมวลชนที่ไม่สามารถไปงานตามคิวนัดหมายได้ ส่วน “คุณหมอ” แฟนของทาทายังไม่ได้มาเยี่ยม เพราะต้องรอผลการตรวจที่ชัดเจนและทาทาไม่อยากให้คนอื่นติดเชื้อ

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/ent/21316

ยอดผู้เสียชีวิตสังเวยไข้หวัด2009 พุ่งพรวด44รายแล้ว ป่วยหนักอีก7ราย

คมชัดลึก :7 วันรายงานผลหวัด 2009 ตะลึงยอดพุ่งพรวดตายเพิ่มถึง 44 ราย ติดเชื้อสะสมเฉียด 7 พัน รักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 35 ราย จำนวนนี้ป่วยหนัก 7 ราย อาจารย์สุราษฎร์ธานีสงสัยติดหวัดตายรอผลตรวจ "อภิสิทธิ์ " เชื่อมีผู้ติดเชื้อหวัดพุ่งหลักหมื่นต่อวัน สั่ง สธ.วางระบบจ่ายยาป้องกันแพร่ระบาด “วิทยา”เพิ่งตื่นยืมมือมหาดไทยสั่ง “ผู้ว่าฯ-สสจ.” กันหวัด



(22ก.ค.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัด 2009 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่สะสมทั้งสิ้น 6,776 ราย รักษาหายแล้ว 6,697 ราย นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จำนวน 35 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนักรุนแรง 7 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมทั้งสิ้น 44 ราย เพิ่มจากเดิม จำนวน 20 ราย

อาจารย์สุราษฎร์ธานีสงสัยติดหวัดตายรอผลตรวจ

ผู้สื่อข่าวสุราษฎร์ธานีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดหวัด 1 รายคือ น.ส.สิริภัทร โพธิ์วอน อายุ 40 ปี อาจารย์โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3 ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งศพที่บ้านเลขที่ 6/2 ถ.โพธิ์หา ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 22 ก.ค.ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี หลังจากที่เข้ารับการรักษาตัวได้เพียง 2 วัน เบื้องต้นแพทย์ระบุเสียชีวิตจากสาเหตุปอดติดเชื้ออย่างรุนแรงและหัวใจล้ม เหลว ยังไม่ยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ ยังต้องรอผลจากการตรวจเชื้อจากห้องแล็บ

อย่างไรก็ตามทางญาติ และเพื่อน ๆ ระบุอีกด้วยว่าโดยปกติ น.ส.สิริภัทร เป็นคนโสด รักษาสุขภาพ ผ่านการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพโดยหากเปรียบเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียว กัน ถือได้ว่า น.ส.สิริภัทร เป็นคนดูแลรูปร่างตัวเองได้ดีที่สุด รูปร่างสมส่วน ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ

"อภิสิทธิ์"เชื่อมีผู้ติดเชื้อหวัดพุ่งหลักหมื่นต่อวัน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่มีตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้นอย่างรวดเร็วว่า ในหลายๆประเทศจะมีการขยายตัวเร็วตามหลักการระบาดวิทยาที่พุ่งสูงขึ้นไป และตามหลักการบริหารนั้นต้องชะลอไม่ให้พุ่งเร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเป็นปัญหาดับสถานพยาบาล

“เราจะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นในกรณีที่มีการพุ่งเร็ว เพื่อชะลอการระบาด ซึ่งทุกประเทศก็ใช้แนวทางนี้อยู่ วันนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขจะแถลงความเปลี่ยนแปลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า จะป้องกันไม่ให้ตัวเลขการระบาดพุ่งถึงแสนคน ได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การระบาดนั้น หากฝ่ายวิชาการไปติดตามดูตัวเลขระดับโลก คิดว่าร้อยละ 40 ของคนจะได้รับผลกระทบ ฉะนั้นตัวเลขจะสูง ซึ่งเราไม่ต้องการให้ตัวเลขไปถึงจุดนั้น อย่างที่บอกคือ เป็นตัวเลขที่ส่งไปห้องแลป เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ตนพยายามสอบถามผู้เชี่ยวชาญและพบว่า ไทยมีผู้ได้รับผลกระทบต่อวันอยู่ที่หลักหมื่นคนที่ต้องเร่งป้องกัน และได้สั่งการกระทรวงสาธารณสุขไปแล้วในเรื่องระบบการจ่ายยา เพราะโรคดังกล่าวจะแพร่ออกไปทางภูมิภาคมากขึ้นโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวัน ตกค่อนข้างมาก

เมื่อถามว่า ปัญหาคือคลินิกไม่สามารถจ่ายยาได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่า ใช่ ต้องหาความพอดี เพราะยาตัวนี้ถ้าปล่อยไปโดยไม่มีการควบคุมก็จะเป็นปัญหา แต่ถ้าไม่มีระบบที่ดี ที่เป็นปัญหามากคือ ผู้ป่วยที่ไปคลินิก 1-3 ครั้งแต่ไม่ได้รับยา ขณะนี้ก็สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งจะมีการประชุมวิดิโอคอนเฟอร์เรนซ์เพื่อจัดทีมในระดับจังหวัดให้มีระบบการจ่ายยาที่ดี

เมื่อถามว่า มาตรการเชิงรับจะสามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดในภูมิภาคนี้ได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พื้นที่ต้องทำงานละเอียด ในแต่ละพื้นที่มีจุดไหนอย่างไร หากโรงเรียนใดมีปัญหาการระบาดมากก็สามารถปิดโรงเรียนได้ เข้าใจว่าขณะนี้มีกว่าร้อยโรงเรียน เมื่อถามว่า ตัวเลขที่ก้าวกระโดดมาถึงครึ่งแสนที่จะมีการแถลงในวันนี้จะทำให้ประชาชนอยู่ ในภาวะตื่นตระหนกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ย้ำว่าภาวะนี้จะต้องเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องช่วยกัน แนวปฏิบัติที่ย้ำอยู่ตลอดว่าเจ็บป่วยเล็กน้อยให้อยู่บ้าน หาก 2 วันอาการไม่ดีต้องรีบไปหาหมอ ระบบการแพทย์ยาต้องไปถึงผู้ป่วยได้เร็ว

เมื่อถามว่า การทำงานจะเป็นระบบ การประสานงานจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการประสานงานกันอยู่ แม้ในต่างประเทศก็มีการปรับแผน บางเรื่องถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายฝ่าย ก็ต้องมาให้องค์ความรู้ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่มีความเห็นแตกต่างกันอยู่ เพราะ 1.ติดง่าย 2.คนส่วนใหญ่ไม่เป็นไร แต่ประมาทไม่ได้ เพราะมีลักษณะที่ทำลายระบบการหายใจเร็ว เพราะฉะนั้นจะลงปอดเร็ว

“วิทยา”เพิ่งตื่นยืมมือมหาดไทยสั่ง “ผู้ว่าฯ-สสจ.” กันหวัด

เมื่อ เวลา 9.00 น.นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ( ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือผู้ว่าฯ ในการเป็นประธานศูนย์ปฏิบัติการไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ระดับจังหวัด โดยมีนายวิทยา แก้วภารดัย รมว.สาธารณสุข เข้าร่วมประชุม

โดยนายวิทยา กล่าวว่า เพื่อเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ เพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งจะมีการดำเนินการร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ของโรคได้แพร่ระบาดไปยังภูมิภาค ประชาชนทุกคนมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเท่ากัน เพราะยังไม่มีภูมิคุ้มกันในตัวเอง จึงต้องมีการสร้างภูมิคุ้มกันคือ1.การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และ2.ภูมิคุ้มที่มนุษย์สร้างขึ้น คือ วัคซีนในการป้องกันโดยขณะนี้กำลังผลิตอยู่ ซึ่งวัคซีนล็อตแรกจะมาในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้

นายวิทยา กล่าวว่า สิ่งที่ต้องเน้น 5ประเด็นหลัก คือ 1. ได้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นประธานศูนย์ปฏิบัติการไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ระดับจังหวัดให้มีการประชุมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง ให้แต่ละจังหวัด คัดกรองเด็กนักเรียนป่วยและผู้ป่วยทั่วไปทั้งในโรงพยาบาลและสถานประกอบการ ต่าง ๆ เช่น โรงงาน เพื่อแยกผู้ป่วยให้หยุดรักษาตัว โดยไม่ถือเป็นวันลาและไม่เสียสิทธิใด ๆ 2. เร่งประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ของแต่ละจังหวัด เช่น หอกระจายข่าว วิทยุชุมชน เป็นต้น เพื่อให้ทราบถึงอาการและดูแลตนเองเวลาเจ็บป่วย ตลอดจนรณรงค์ให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัยอยู่บ้านจนครบ 7 วัน นับจากวันแรกที่มีไข้

3.ในจังหวัดที่ มีการระบาดโรคค่อนข้างมากควรเลื่อนการจัดงานมหรสพ หรือกิจกรรมที่มีคนมาร่วมตัวเป็นจำนวนมากหากไม่เลื่อนควรมีมาตรการป้องกัน 4.ให้มาตรการทางกฎหมายผ่านข้อบัญญัติแต่ละท้องถิ่นในการดูแลความสะอาดที่ ต่าง ๆ เช่น ตลาด โรงเรียน โรงฆ่าสัตว์ ร้านเกมส์ สถานบันเทิง และ 5. เน้นย้ำให้แต่ละจังหวัดประเมินผลการระบาดของโรค โดยวัดจากอัตราผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเทียบกับจำนวนประชากรแต่ละจังหวัดเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขรายงานให้กับผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัดอย่างตรงไปตรงมา มิเช่นนั้นอาจทำให้นักวิเคราะห์วิเคราะห์ผลออกมาคลาดเคลื่อน อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศได้ไทย

ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข ประชุมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร็นซ์ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำชับให้ผู้ว่าฯ เป็นประธานศูนย์ปฏิบัติการไข้หวัดสาย พันธุ์ใหม่ว่า การประชุมเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข แต่ที่ต้องมาประชุมที่มหาดไทย เพราะกระทรวงสาธารณสุขไม่มีระบบวิดีโอคอนเฟอเร็นซ์ ซึ่งในการนี้ ได้เชิญสาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระดับศูนย์จังหวัด และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ มาร่วมฟังด้วย เหมือนเป็นการแถลงนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข

เมื่อถามว่า สถานการณ์การระบาดเป็นไปร่วม 3 เดือน แต่เพิ่งมีการมอบนโยบายระดับประเทศ จะช้าไปหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็ทำอยู่แต่ต้น ครั้งนี้เป็นเพียงการย้ำให้ทั่วถึง ทั้งนี้ ยืนยันว่า เรื่องการควบคุมสถานการณ์ หากทำไม่ได้ จะไม่มีการคาดโทษผู้ว่าฯ ตนอยากให้ไปดูตัวเลขผู้เสียชีวิตในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ยังมีผู้เสียชีวิตมากกว่าเรา ถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์ ของอังกฤษ ประมาณ 0.5 หรือเสียชีวิต แล้วประมาณ 350 คน ทั้งที่เขามีการดูแลสุขอนามัยดีกว่าเรา แต่ของไทยประมาณ 0.3 การกำชับผู้ว่าให้ดูแลสถานการณ์นั้น คงไม่ต้องถึงกับคาดโทษ เพราะโตๆ กันแล้ว รู้ว่า ชีวิตประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ และไม่ห่วงว่า ทางจังหวัดจะปกปิดจำนวนผู้ติดเชื้อเพราะเกรงจะถูกคาดโทษ เชื่อว่า ทุกอย่างโปร่งใส และผู้ว่าฯ ต้องตื่นตัวในการลงไปชี้แจงสถานการณ์กับประชาชน

เมื่อถามว่า ทางผู้ว่าฯ ต้องรายงานสถานการณ์ตรงต่อกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า เราใช้ศาลากลางจังหวัดของผู้ว่าฯ เป็นวอร์รูม ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด ทั้งนี้เท่าที่ตนประเมินสถานการณ์ ถ้าเทียบเป็นกราฟจำนวนผู้ติดเชื้อ กราฟคงจะเป็นเส้นตรงแนวราบอีกสักพัก แต่ขึ้นอยู่กับจะมีการกลายพันธุ์หรือไม่

นายชวรัตน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย โจมตีการดูแลสถานการณ์ไข้หวัด 2009 ทำงานไม่เป็น เพราะไม่มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาดูแลว่า ความจริง กระทรวงสาธารณสุขก็เป็นผู้ริเริ่มเรื่องคณะกรรมการระดับชาติ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ที่ดูแลปัญหาทำอย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ ของเราทำอย่างเต็มที่ ขนาดการผลิตหน้ากากอนามัย ก็ประสานให้กรมพัฒนาชุมชน ( พช.) ช่วยผลิตเพิ่มอีกแรงหนึ่ง และองค์การเภสัชกรรมก็เร่งผลิตวัคซีน

รมว.ศธ.พอใจมาตรการปิดร.ร.กวดวิชา

นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการปิดโรงเรียนกวดวิชา 15 วันว่า ถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจในการลดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเบื้องต้นจะไม่มีมาตรการปิดโรงเรียนกวดวิชาเพิ่มเติมอีก แต่หลังจากนี้ก็จะให้มีการคัดกรองเด็กนักเรียนที่เข้าเรียนพิเศษอย่างเข้ม งวดต่อไปเหมือนเดิม หากใครป่วยก็ต้องให้หยุดอยู่กับบ้าน

เพื่อไทยร้องรัฐบาลแถลงหวัดสัปดาห์ละ3วัน

เมื่อเวลา 10.00 น.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลล์ล่าสุดนั้นชี้ให้เห็นว่า ประชาชน 89.50% ต้องการให้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขแถลงตัวเลขของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ติด เชื้อเป็นรายวัน แต่รัฐบาลกลับพยายามปกปิดข้อเท็จจริงโดยจัดให้มีการแถลงข่าวเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น เป็นการบิดเบือนสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชน แม้แต่องค์การอนามัยโลกก็ยังกำหนดไว้เป็นมาตรฐานว่า ต้องมีการแถลงข่าว 3 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลแถลงตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ที่ ติดเชื้อ 3 วันต่อสัปดาห์คือ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เป็นประธานในการดำเนินการให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งนายกฯสามารถสั่งการและควบคุมได้ทุกกระทรวง รวมทั้งรัฐบาลต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย เพื่อไม่ให้ประชาชนหูหนวก ตาบอดจนขาดการระมัดระวัง

ค้านย้าย"เทอร์โมสแกน"ไปตั้ง"สนามรัชมังคลากีฬาสถาน"

นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมลิเวอร์พูลกับทีมชาติไทย ซึ่งรัฐบาลให้นำเครื่องเทอร์โมสแกนจากสนามบินสุวรรณภูมิมาติดตั้งบริเวณทาง เข้าสนามรัชมังคลากีฬาสถานเพื่อป้องกันผู้ติดเชื้อไข้หวัด 2009 นั้น ไม่ทราบว่ารัฐบาลคิดแบบนี้ได้อย่างไร เพราะสนามบินสุวรรณภูมินั้นถือเป็นประตูเข้าสู่ประเทศไทย และการที่ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายแรกก็แพร่มาจากที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งหากเครื่องเทอร์โมสแกนไม่พอรัฐบาลก็ต้องตั้งงบประมาณในการจัดซื้อขึ้นมา เพราะขนาดแจกเงิน 2,000 บาทเพื่อหาคะแนนเสียงรัฐบาลยังทำได้ แต่วันนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากโรคไข้หวัด 2009 ทำไมรัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ

ผู้ว่าฯพิษณุโลกระดมทุกภาคส่วนทำความสะอาด

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 22 ก.ค. ที่โรงเรียนอนุบาลโรจน์วิทย์ อำเภอเมืองพิษณุโลก นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าร่วมกิจกรรม BiG Cleaning Day ที่จังหวัดพิษณุโลก ได้ให้ทุกภาคส่วนทำความสะอาดพร้อมกัน ซึ่งภายหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ใหม่ ทำให้หน่วยงานหลายฝ่าย ได้ให้ความสำคัญกับการแพร่ระบาดและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ซึ่งได้กำชับว่าขอให้ทุกคนตระหนักรู้ว่าขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ของการแพร่ ระบาดของโรค ถือเป็นหน้าที่ร่วมกันทุกคน เพื่อระงับยับยั้งการแพร่ระบาดในกลุ่มนักเรียนให้ได้

พร้อมกันนี้ ได้ขอให้โรงเรียน งดกิจกรรมพานักเรียนไปดูงานต่างจังหวัด ในสถานศึกษา ให้ครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพอนามัยของเด็กนักเรียน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ขอความร่วมมือในด้าน การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร หาพบผู้ป่วยต้องสงสัยในหน่วยงานหรือโรงเรียนใดก็ตาม อย่าปิดบังข่าว เพราะจะทำให้สถานการณ์กลับแย่ลงไปอีก ทุกคนต้องร่วมมือกัน ต้องมีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและสังคมด้วย

ล่าสุด มีรายงานจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ว่า พบนักเรียนชาย 1 ราย ของโรงเรียนวัดโบสถ์ศึกษา ผลตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งทางโรงเรียนวัดโบสถ์ศึกษา ได้ทำความสะอาดใหญ่พร้อมกันในวันนี้ แต่จังหวัดพิษณุโลก ยังไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต

ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20090722/21389/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9444%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%817%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2.html

ก้าวอีกขั้นของการพัฒนา "วัคซีน" กับหนึ่งความหวังป้องกันหวัดร้าย!!!

หนึ่งความหวังป้องกันหวัดร้าย!!

สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่ละวันยังคงเป็นประเด็นมีความเคลื่อนไหวให้ติดตามต่อเนื่อง
นอกเหนือจากการรณรงค์ดูแลสุขภาพ สุขอนามัยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วยการหมั่นล้างมือ สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเจ็บป่วย ฯลฯ ซึ่งจะช่วยลดการแพร่เชื้อการเจ็บป่วย

วัคซีน ถือได้ว่าเป็นอีกความหวังการป้องกันหวัดร้าย โดยที่ผ่านมามีความคืบหน้ากล่าวขานอย่างกว้างขวางและทันที ที่เชื้อไวรัสตั้งต้น ไข่เพาะเชื้อสำหรับผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากองค์การอนามัยโลกเดินทางมาถึงประเทศ ไทย ทีมนักวิทยาศาสตร์ก็จะเริ่มเดินหน้าผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009!!

นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวให้ความรู้ถึงวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า อุบัติการณ์ไข้หวัดใหญ่ระบาดใหญ่ในโลกเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง ไข้หวัดสเปนเป็นครั้งหนึ่งที่มีการระบาดมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกจำนวนไม่น้อย จากนั้นมาก็มีการระบาดในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกมาเป็นระยะ ภัยธรรมชาติ ภัยโรคระบาดลักษณะดังกล่าวการ เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญ

จากนโยบายการจัดตั้งโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในปีที่ผ่านมาได้วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต วัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาล ได้สำเร็จ นอกจากนี้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เกิดการระบาดใหญ่ทั้งโลก ทุกภูมิภาค วัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่จะผลิตครั้งนี้องค์การอนามัยโลก ก็ได้มอบความไว้วางใจประเทศไทย โดยสนับสนุนในเรื่องเทคโนโลยี

“ทุกภูมิภาคทั่วโลกองค์การอนามัยโลกได้ให้ทุนวิจัยและใน 6 ประเทศซึ่งก็มีประเทศไทย อินเดีย จีน เวียดนาม เม็กซิโกและบราซิล กระทรวงสาธารณสุขมอบให้องค์การเภสัชกรรมรับผิดชอบดูแลในเรื่องนี้และได้รับ ความร่วมมือด้านสถานที่ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม ผลิตวัคซีน โดยห้องแล็บมีความพร้อมมีมาตรฐานเป็นห้องปฏิบัติการไบโอเซฟตี้ ระดับ 3 Bio-safety level 3 (BSL-3) ตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลกมีความปลอดภัยในการทดลองกับเชื้อไข้หวัดใหญ่”

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลที่ผลิตได้นี้เตรียมไว้ในช่วงที่มีการแพร่ ระบาดในฤดูฝน หน้าหนาวซึ่งมักพบผู้สูงอายุ เด็กเล็กป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วเสียชีวิตโดยแต่ละปีมีจำนวน ไม่น้อย การฉีดวัคซีนเป็นการสร้างภูมิป้องกันโรค วัคซีนที่ ผลิตได้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาและการเสียโอกาสในการทำงาน อย่างที่กล่าวมาปี ที่ผ่านมาได้พัฒนาวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลชนิด เชื้อตายเสร็จสมบูรณ์ จากนั้น จะผลิตเมื่อโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในระดับอุตสาหกรรมพร้อม

“การพัฒนาวัคซีนป้อง กันไข้หวัดใหญ่มีทั้งเชื้อเป็นและเชื้อตายซึ่งก็มีข้อดีและความแตกต่างกันใน การใช้ เมื่อฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือพ่นจมูกจะไปช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้ม กัน ข้อดีของเชื้อเป็นสามารถผลิตได้มากโดยจะใช้พ่นทางจมูกให้ กับผู้ที่ไม่มีภูมิและกระตุ้นในลักษณะเลียนแบบธรรมชาติซึ่งมีผลให้สร้างภูมิ คุ้มกันได้ดี

แต่ก็มีข้อยกเว้นกับคนไข้ที่เป็นโรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรังซึ่งไม่ควรใช้ ส่วนทางด้านเชื้อตายจะตรงข้าม ผลิตได้น้อยกว่าซึ่งอาจไม่เพียงพอกับช่วงเวลานี้ที่ต้องการผลิตให้กับคน จำนวนมากได้มีภูมิ สร้างภูมิคุ้มกันเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโรคนี้”

ขณะที่วัคซีนเป็นความหวังการป้องกันเมื่อเชื้อไวรัสตั้งต้นและไข่เพาะเชื้อ สำหรับผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มาถึงซึ่งเชื้อไวรัสตั้งต้นเป็นเทคโนโลยีจากประเทศรัสเซีย ส่วนไข่เพาะเชื้อมาจากประเทศเยอรมนีและในสัปดาห์นี้นักวิทยาศาสตร์ได้เริ่ม ทำงานคาดการณ์ว่าจะได้วัคซีนต้นแบบประมาณปลายเดือนสิงหาคม

“วัคซีนต้นแบบนั้นยังใช้กับคนไม่ได้จะต้องนำไปทดลองในสัตว์ ทดลองในคนภายใต้ การดูแลควบคุมของแพทย์และนักวิทยาศาสตร์อย่างใกล้ชิด จากนั้นต้องศึกษาครบทุกด้านว่า มีความปลอดภัย มีผลข้างเคียง หรือไม่ มีผลการสร้างภูมิต้านทานอย่างไร ฯลฯ ทุกอย่างจะต้องทดสอบอย่างละเอียด ต้องมีความปลอดภัยมีเอกสารยืนยันจากกระทรวงสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จึงจะอนุญาตให้นำออกมาใช้ได้”

ขณะที่ วัคซีน เป็นคำตอบหนึ่งของการป้องกันโรค สร้างภูมิให้กับกลุ่มคนที่ไม่มีภูมิได้มีภูมิคุ้มกันและเมื่อมีภูมิขึ้น มาโอกาสป่วยจะลดลงหรือถ้าป่วยก็จะไม่รุนแรงมาก เนื่อง จากร่างกายมีภูมิต่อเชื้อโรคนั้นแล้ว ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าหลายต่อหลายครั้งนำมาซึ่งความเจ็บป่วยสูญเสีย อย่าง ไอกรน บาดทะยัก คอตีบ โปลิโอ หัดเยอรมัน หัดธรรมดา อีสุกอีใส ฯลฯ การพัฒนาวัคซีนได้ช่วยป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคเหล่านั้น

ถ้าถามว่าเชื้อเหล่านี้ยังมีอยู่ในธรรมชาติหรือไม่ เชื้อเหล่านี้ยังคงมีอยู่แต่เรามีภูมิต้านทานโอกาสการเจ็บป่วยจะลดน้อยลง ส่วนเชื้อไข้หวัดใหญ่แน่นอนย่อม มีการปรับเปลี่ยนสายพันธุ์ ทีม วิจัยผู้ทำวัคซีนก็ต้องปรับเปลี่ยนพัฒนาวัคซีน สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นอีกก้าวของการพัฒนาวัคซีนเป็นความหวังในการป้องกัน!!
ท่ามกลางสถานการณ์ ดังกล่าวที่ยังมีการแพร่ระบาดมีการ ติดเชื้ออยู่มาก ผู้อำนวยการองค์การ เภสัชกรรมให้คำแนะนำว่า เมื่อร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกัน ก็เหมือนกับบ้านที่ไม่มีประตู ผู้ร้ายบุกเข้าบ้านได้ง่ายอย่างที่กล่าว วัคซีนไม่ใช่ว่าจะผลิตกันได้ง่าย ๆ ในระหว่างนี้การดูแลสุขภาพ สุขอนามัยเป็นสิ่งที่ต้องไม่ละเลย ต้องช่วยกันรณรงค์ ดูแลสุขภาพทั้งการกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อย ๆ

อีกทั้งถ้าป่วยควรสวมใส่หน้ากากอนามัยและถ้าเจ็บป่วยก็ขอให้พักผ่อนอยู่ที่ บ้าน แยกตัวเองไม่ปะปนกับคนในบ้านสัก ระยะ ฯลฯ การเคร่งครัดเปลี่ยน แปลงพฤติกรรมรับผิดชอบตนเองและส่วนรวมจะช่วยลดการระบาด ลงได้ แพทย์ท่านเดิมกล่าวด้วยความห่วงใย

ก่อนที่วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะนำมาใช้ป้องกันโรค ย้อนถึงเส้นทางวัคซีนที่มีการผลิตเกิดขึ้น กิตติศักดิ์ ภูพิพัฒน์ผล ผู้อำนวยการกองบรรจุชีววัตถุ ฝ่ายชีววัตถุ องค์การเภสัชกรรม ให้ความรู้ว่า วัคซีน เป็นสารที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์หรือสัตว์ให้สามารถป้องกันร่าง กายจากอาการติดเชื้อเฉพาะอย่างได้ โดยการติดเชื้อนี้ส่วนใหญ่มาจากแบคทีเรีย ไวรัสหรือสารพิษ

วัคซีนบางชนิดผลิตจากแบคทีเรียหรือไวรัสที่ถูกทำให้หมดฤทธิ์แล้ว หรือทำจากสารพิษที่ถูกทำให้หมดความเป็น พิษ บางชนิดผลิตจากการนำส่วนที่ก่อโรคของเชื้อจุลชีพ มาเพียงบางส่วน สร้างโดยการสังเคราะห์ จากเทคโนโลยีชีวภาพ

“วัคซีนจึงมีความหมายต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหรือภูมิ ต้านทานต่อโรคซึ่งจะเป็นเชื้อตาย เชื้อเป็นหรือจะเป็นสิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านพันธุกรรม ในที่นี้เราพูดถึงเชื้อโรคที่เข้าไปในร่างกายแล้วสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา อย่างที่บอกมีเชื้อเป็นและเชื้อตาย ซึ่งเชื้อเป็น หมายถึงเชื้อที่ยังมีชีวิตแล้วนำมาทำให้อ่อนฤทธิ์ลงหรือเป็นเชื้อที่ถูก พัฒนาสายพันธุ์ให้อ่อนฤทธิ์ แต่ยังมีชีวิตอย่างเช่นไวรัส 2009 ที่กำลังดำเนินการ

แต่ถ้าเป็นเชื้อตายเป็นการนำเชื้อที่เป็นโรคเป็นสายพันธุ์ที่พัฒนานำมาใช้ เป็นวัคซีน นำมาฆ่าเชื้อ ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้ว ร่างกายก็จะสร้างการตอบสนองกับเชื้อตัวนั้น อย่างเชื้อตายที่นำมาผลิตวัคซีนไข้หวัดตามฤดูกาล ซึ่งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังไม่มีในประเทศไทย ที่ผ่านมาต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ”

แต่อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่ฉีดเข้าไปในร่างกายกว่าจะนำมาใช้ได้จะต้องมีการทดสอบอย่างมั่นใจ แล้วว่าสามารถใช้ได้ผลมีความปลอดภัย วัคซีนจึงถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ดีสุดที่ใช้ในการป้องกันโรค

ส่วนการผลิตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรมมีการดำเนินการมายาวนาน อย่างที่ผ่านมามีการทำวัคซีนไข้ทรพิษ ที่ช่วยป้องกันจนโรคดังกล่าวนี้ก็หมดไป จากนั้นมาก็มี วัคซีนไอกรน คอตีบ บาดทะยัก ซึ่งเป็นวัคซีน ที่คุ้นกันดีในเด็กทุกคน วัคซีนเหล่านี้เป็นการผลิตขึ้นในประเทศ อีกทั้งยังมีการทำวัคซีน ไข้สมองอักเสบ จี อี ฯลฯ กระบวนการผลิตนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายใช้เวลาและเทคโนโลยี บางโรคใช้เวลา ไม่ต่ำกว่า 15-20 ปี

“วัคซีนบางชนิดชั่วชีวิตหนึ่งอาจเป็นเพียงแค่การเริ่มต้น วัคซีนไข้เลือดออก วัคซีนมาลา เรีย เป็นวัคซีนที่ทั่วโลกถามหา ด้วยทั้งสองโรคนี้ยังคงมีการแพร่ระบาดอยู่มาก อย่างไข้เลือดออกดังที่ทราบมีปัญหาอยู่ไม่น้อยเพราะเนื่องจากตัวไข้เลือดออก เองมีถึง 4 สายพันธุ์ ในส่วนนี้เองนานาประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ต่างศึกษายังคงหาเทคนิคใหม่ ๆ ในการผลิตวัคซีน เพื่อนำมาป้องกันโรค”

ขณะที่วัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะเป็นเกราะป้องกันโรคระบาดนี้ แต่ดังที่ทราบต้องใช้เวลาซึ่งการเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้ วัคซีน คงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเป็นเพียงแค่เครื่องมืออย่างหนึ่งที่จะช่วย ป้องกันโรค ที่ดีสุดไม่มีสิ่งใด แน่แท้เท่าการดูแลสุขภาพ สุขอนามัยตนเองเพราะถ้า ร่างกายแข็งแรงก็จะไม่เกิด ความเสี่ยง ปลอดภัยห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่เพียงเฉพาะหวัด แต่ยังมีความหมายต่อทุกโรคภัย

...เมื่อนั้นวัคซีนก็จะเป็นทางเลือกหนึ่ง !!.

ผู้เขียน - พงษ์พรรณ บุญเลิศ

ที่มา: http://dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=9545

ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนแฟน"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ถ้าป่วยมีไข้ให้กลับบ้าน พร้อมคืนค่าตั๋วให้

ก.สาธารณสุขตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน 6 เครื่อง หน้าสนามรัชมังคลาฯ สกัดแฟนบอลที่จะเข้าชมลิเวอร์พูล-ทีมชาติไทย หากป่วยให้กลับบ้านทันที และคืนเงินค่าตั๋วให้ เตือนมาชมกีฬาเสี่ยงอาการรุนแรงขึ้น..



นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในการแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษ "เดอะ คอป คัม ทู เอเชีย" ระหว่างสโมสร "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล และทีมชาติไทย ในช่วงเย็นวันนี้ (22 ก.ค.) ที่สนามรัชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก กรมควบคุมโรค (คร.) นำเครื่องเทอร์โมสแกนจำนวน 6 เครื่องไปติดตั้งหน้าประตูทางเข้า-ออกของสนามฯ ทุกประตู เพื่อคัดกรองผู้ที่จะเข้าชมการแข่งขันฟุตบอล หากพบว่ามีไข้ให้กลับบ้านทันที โดยผู้จัดการแข่งขันจะคืนเงินค่าตั๋วในภายหลัง นอกจากนี้ จะมีการตั้งเตนท์ให้มีแพทย์และพยาบาลประจำคอยตรวจวัดอุณหภูมิและให้คำแนะนำ สำหรับผู้ที่จะเข้าชมและสงสัยว่าตนเองจะป่วยไข้ด้วย

นายวิทยา กล่าวต่อว่า ขอเตือนผู้ที่จะเข้าชมการแข่งขันฟุตบอล หากใครมีอาการป่วยเป็นไข้ขอให้นอนดูโทรทัศน์ที่บ้าน เพราะหากมีอาการป่วยแล้วเข้าชมการแข่งขัน ทำให้มีการหายใจแรงในภาวะที่มีความตื่นเต้นกับการลุ้นการทำประตู หรือโห่ฮา กระโดดโลดเต้น เป็นเหมือนการออกกำลังกาย เชื้อไวรัสจะลงปอดเร็วกว่าปกติ ทำให้มีอาการรุนแรงเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย และผู้ที่ป่วยไข้แล้วยังเข้าชมการแข่งขังไม่เป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะจะเอาเชื้อไปแพร่ให้กับคนอื่น

ด้าน นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า คาดว่าจะมีผู้เข้าชมการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ประมาณ 40,000-50,000 คน แม้จะมีความปลอดภัยต่อการติดเชื้อมากกว่าการจัดแสดงคอนเสิร์ต เนื่องจากเป็นพื้นที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ปิดทึบเหมือนการจัดคอนเสิร์ต แต่ก็ยังสามารถแพร่กระจายเชื้อไปยังคนเข้าชมที่นั่งติดกับผู้ป่วยได้ง่าย จึงขอร้องให้คนป่วยพักรักษาตัวอยู่กับบ้าน เพราะการออกมาเผชิญแดดอาจทำให้อาการทรุดหนักลง

ผู้สื่อข่าวรายงาน ด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (21 ก.ค.) ถึงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่าในวันที่ 22 ก.ค.ที่จะมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมลิเวอร์พูลกับทีมชาติไทย จะมีการดูแลเข้มงวดอย่างไรบ้าง ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าจะเอาเครื่องเทอร์โมสแกนไปตรวจวัดไข้ทุกคน และขอความร่วมมือกับผู้จัดการแข่งขันว่าถ้าผู้ชมคนใดมีไข้ขอให้คืนเงินให้ กลับบ้าน และสธ.จะเตรียมหน้ากากอนามัยไปแจกที่สนามราชมังคลากีฬาสถานด้วย

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/21163