ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ลือลั่นสนั่นเน็ต รพ.เอกชนเมินรักษาไข้หวัด 2009 เป็นเหตุให้ "เดย์ ไอโฟน" เสียชีวิต

“เดย์” หรือนายณัฐวัฒน์ ปาใจ ภาพจาก Hi5 http://trojancop.hi5.com/

โพสต์กันสนั่น เว็บไซต์ Smart-Mobile.com ไว้อาลัย “เดย์” หรือที่รู้จักกันในนามแฝงกันในบอร์ดว่า Creative7419 เจ้าพ่อแห่ง font บน iPhon ที่ทำให้ชาว iPhone ใช้ font ภาษาไทยได้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 เจ้าตัวโพสต์ข้อความก่อนหน้านั่งรถไฟฟ้าไปหาหมอถึง 3 โรงพยาบาล ได้แค่ยาลดไข้พาราเซตามอล หมอเมินไม่สนตรวจเชื้อ ปล่อยให้กลับบ้าน จนกระทั่งตาย

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ได้มีการฟอร์เวิร์ดเมล ถึงการเสียชีวิตของ “เดย์” หรือ นายณัฐวัฒน์ ปาใจ อายุ 28 ปี ที่เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยมีการลิงก์เข้าไปในเว็บไซต์ Smart-Mobile.com ที่ นายณัฐวัฒน์ ได้โพสต์ข้อความเล่าอาการป่วยของตนเองก่อนหน้านี้ จนเสียชีวิต ว่า
“วันนี้ ไปหาหมอตามที่หมอนัด ขึ้น BTS ไป คนก็เยอะเลยต้องยืน สักพักเริ่มหวิวๆเริ่มคลื่นไส้ แล้วโลกก็มืดลง แขนก็เริ่มชา มองอะไรไม่เห็นเลย ประมาณ 5 นาที จนถึงสยาม คนลงเยอะ ก็ตั้งสติ เพ่งเห็นลางๆ ว่า ที่นั่งว่าง ไม่ฟังเสียงล่ะครับ (หูอื้อ) คลำๆ แล้วนั่งเลย แล้วก็นั่งก้มหน้าแบบสุดๆ โลกเริ่มสว่างขึ้น ทางเดินสายโลหิตเหือดแห้ง มือซีดเหลืองชาๆ แอร์บนรถเย็นมาก แต่เหงื่อยังกับอาบน้ำใหม่ๆ แบกสังขารไปจนถึง พุ่งหาร้านข้าวกินข้าว แล้วก็ไปพบหมอ หมอเจาะเลือดไปตรวจ เอ่อ หมอครับเมื่อวันพฤหัส ผมก็เพิ่งโดนเจาะไปครับ แล้วเมื่อกี้ก็หน้ามืด เลือดหมดครับหมอ หมอบอกไม่เป็นไรเอานิดเดียว ผลตรวจเลือดออกมา เกล็ดเลือดปกติ เม็ดเลือดขาวปกติ ไข้เลือดออกไม่เป็น ทำหมองงอีกคนแล้ว เลยถามไปว่าหรือจะเป็น 2009 หมอบอกตัดไปเลย 2009 อาการหลักต้องไอ เจ็บคอ แต่คุณไม่ไอ ไม่เจ็บคอ ไม่มีอะไรเลย ตัวร้อนเฉยๆ สรุปก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ นัดให้มาวันจันทร์อีก บอกว่า ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ต้องเรื่องใหญ่กันเลยล่ะ ต้องแอดมิดให้น้ำเกลือ เอาเลือดไปตรวจละเอียด หาธัยรอยด์ หานั่นนู่นนี่ คิดในใจว่านี่ต้องทรมานไปอีก 2 วันหรือนี่ แล้วหมอก็ให้ยาลดไข้มาแค่นั้น”

วันรุ่งขึ้น “เดย์” โพสต์ข้อความอีกครั้งว่า ไม่ไหวแล้ว ไปกราบขอหมอนอน รพ.ดีกว่า จะกี่หมื่นกี่แสนก็ยอม เรียก Taxi มารับก่อน เดี๋ยวไปเองหน้ามืดอีก”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บไซต์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันถึงการวินิจฉัยของแพทย์ ตั้งแต่ รพ.เอกชนแห่งแรกที่ไปหา แล้วแพทย์ระบุว่า เป็นไข้ติดเชื้อ ให้ยาพาราเซตามอลมากิน สองวันต่อมาไข้ไม่ลด ผู้ป่วยไปหาแพทย์ใหม่อีกครั้ง แพทย์ก็ยังไม่ใส่ใจที่จะตรวจละเอียด ให้พาราเซตามอลมาอีก จนไม่ไหวผู้ป่วยจึงนั่งรถไฟฟ้าไปพบแพทย์ตามสิทธิประกันสังคม แพทย์ฉีดยาให้กลับบ้าน

วัน รุ่งขึ้นแน่นหน้าอก ไปตรวจใหม่พบปอดติดเชื้อถึง 25% แต่แพทย์ก็ยังไม่สั่งให้นอน รพ.บอกให้กลับบ้าน จนกระทั่งผู้ป่วยรู้ตัวว่าไม่ไหวจึงไป รพ.แห่งที่ 3 และพบว่า เป็นไข้หวัด 2009 แต่ก็สายเกินไป ในที่สุดผู้ป่วยก็เสียชีวิต ทั้งนี้ ผู้ที่ฟอร์เวิร์ดเมลนี้ ระบุว่า อยากให้เป็นอุทาหรณ์ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขมีการประชาสัมพันธ์ทั้งในส่วนของแพทย์ และประชาชน แต่กลับมีความผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้น

กระทู้ที่หนุ่มวัย 28 รายนี้ตั้งก่อนเสียชีวิต

“วันนี้ไปหาหมอตามที่หมอนัด ขึ้น BTS ไป คนก็เยอะเลยต้องยืน สักพักเริ่มหวิวๆเริ่มคลื่นไส้ แล้วโลกก็มืดลง แขนก็เริ่มชา มองอะไรไม่เห็นเลย ประมาณ 5 นาทีจนถึงสยาม คนลงเยอะก็ตั้งสติ เพ่งเห็นลางๆ ว่าที่นั่งว่าง ไม่ฟังเสียงล่ะครับ(หูอื้อ) คลำๆแล้วนั่งเลย แล้วก็นั่งก้มหน้าแบบสุดๆ โลกเริ่มสว่างขึ้น ทางเดินสายโลหิตเหือดแห้ง มือซีดเหลืองชาๆ แอร์บนรถเย็นมาก แต่เหงื่อยังกับอาบน้ำใหม่ๆ แบกสังขารไปจนถึง พุ่งหาร้านข้าวกินข้าว แล้วก็ไปพบหมอ หมอเจาะเลือดไปตรวจ เอ่อ หมอครับเมื่อวันพฤหัสผมก็เพิ่งโดนเจาะไปครับ แล้วเมื่อกี้ก็หน้ามืดเลือดหมดครับหมอ หมอบอกไม่เป็นไรเอานิดเดียว ผลตรวจเลือดออกมา เกล็ดเลือดปกติ เม็ดเลือดขาวปกติ ไข้เลือดออกไม่เป็น ทำหมองงอีกคนแล้ว เลยถามไปว่าหรือจะเป็น 2009 หมอบอกตัดไปเลย 2009 อาการหลักต้องไอ เจ็บคอ แต่คุณไม่ไอ ไม่เจ็บคอ ไม่มีอะไรเลย ตัวร้อนเฉยๆ สรุปก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ นัดให้มาวันจันทร์อีก บอกว่าถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ต้องเรื่องใหญ่กันเลยล่ะ ต้องแอดมิดให้น้ำเกลือ เอาเลือดไปตรวจละเอียด หาธัยรอยด์ หานั่นนู่นนี่ คิดในใจว่านี่ต้องทรมานไปอีก 2 วันหรือนี่ แล้วหมอก็ให้ยาลดไข้มาแค่นั้น”

กระทู้ที่หนุ่มวัย 28 รายนี้ตั้งก่อนเสียชีวิต

วันรุ่งขึ้น “เดย์”โพสต์ข้อความอีกครั้งว่า ไม่ไหวแล้ว ไปกราบขอหมอนอนรพ.ดีกว่า จะกี่หมื่นกี่แสนก็ยอม เรียก Taxi มารับก่อน เดี๋ยวไปเองหน้ามืดอีก “

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บไซต์ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันถึงการวินิจฉัยของแพทย์ ตั้งแต่รพ.เอกชนแห่งแรกที่ไปหา แล้วแพทย์ระบุว่าเป็นไข้ติดเชื้อ ให่ยาพราราเซตามอลมากิน สองวันต่อมาไข้ไม่ลด ผู้ป่วยไปหาแพทย์ใหม่อีกครั้ง แพทย์ก็ยังไม่ใส่ใจที่จะตรวจละเอียด ให้พาราเซตามอลมาอีก จนไม่ไหวผู้ป่วยจงนั่งรถไฟฟ้าไปพบแพทย์ตามสิทธิประกันสังคม แพทย์ฉีดยาให้กลับบ้าน

วันรุ่งขึ้นแน่นหน้าอก ไปตรวจใหม่พบปอดติดเชื้อถึง 25 % แต่แพทย์ก็ยังไม่สั่งให้นอนรพ. บอกให้กลับบ้าน จนกระทั่งผู้ป่วยรู้ตัวว่าไม่ไหวจึงไปรพ.แห่งที่ 3 และพบว่าเป็นไข้หวัด 2009 แต่ก็สายเกินไป ในที่สุดผู้ป่วยก็เสียชีวิต ทั้งนี้ ผู้ที่ฟอร์เวิร์ดเมลล์นี้ระบุว่า อยากให้เป็นอุทธาหรณ์ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขมีการประชาสัมพันธ์ทั้งในส่วนของแพทย์ และประชาชนแต่กลับมีความผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้น

ที่มา: http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000098059

นายแพทย์มงคล ณ สงขลา เตือนให้ระวังไข้หวัด2009ระลอก2ช่วงปลายฤดูฝน

ประธานอนุกรรมการควบคุมป้องกันและแก้ไขปัญหาไข้หวัด 2009 ระบุ วิกฤติไข้หวัด ระลอก 2 ใน 2 เดือนข้างหน้า ในช่วงฤดูฝน ต่อฤดูหนาว ...

เมื่อช่วงสายของวันนี้ (27 ส.ค.) ที่โรงแรมเฮอมิเทจรีสอร์ท และ สปา อ.เมืองนครราชสีมา นายแพทย์มงคล ณ สงขลา อดีต รมว.สาธารณสุข ประธานอนุกรรมการควบคุมป้องกัน และแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ( H1N1 ) 2009 กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมความร่วมมือเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ของไข้ ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดฯ ว่า ในขณะนี้สถานการณ์ตามต่างจังหวัดในหลายพื้นที่ปรากฏว่าตัวเลขไปขึ้นในต่าง จังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขต จ.กาญจนบุรี เพชรบุรี และ ภาคเหนือ

นายแพทย์มงคล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ตัวเลขในกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล เริ่มลดลงหรือชะลอลงไป ฉะนั้น จะต้องปูพรหมในทุกพื้นที่ เพื่อจะให้ผู้บริหารในระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด ได้เตรียมการป้องกันเรื่องนี้ ตรงนี้ทางทีมงาน สสส. ทีมงาน สปสช. ประกันสุขภาพ และทีมงานกระทรวงฯ ทั้งหลายที่ผนึกกำลังร่วมกันกับทางมหาวิทยาลัยด้วย ที่จะพยายามระดมกันไปตามต่างจังหวัด เพื่อปลุกระดมให้กับทุกฝ่ายได้เอาเอกสาร ข้อมูลต่างๆในการที่จะดำเนินการควบคุมป้องกันเอาไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ให้ เต็มที่ ถ้าทุกคนร่วมกันไม่ว่าครอบครัว ชุมชน ในตำบล อำเภอ ทำอย่างจริงจัง คิดว่าสิ่งที่เริ่มผงกหัวขึ้นของตัวเลขในต่างจังหวัด คงจะเสมอหรือชะลอไป และในที่สุดคงจะสามารถทำให้ลดลงไปได้ และผ่านพ้นวิกฤติในช่วงหมดหน้าฝนต่อกับหน้าหนาว ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่กลัวมากที่สุดคือ ในช่วงอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ เพราะปกติเชื้อไวรัสจะเป็นในช่วงหน้าหนาว ถ้าสามารถจะผ่านปลายปีนี้ไปได้ก็ถือว่าปลอดภัย

นายแพทย์มงคล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ช่วงเปลี่ยนหน้าฝนไปหน้าหนาวประชาชนต้องดูแลตัวเองไม่ไปสัมผัสกับเชื้อ ไม่ว่าน้ำมูก น้ำลาย หรือ เสมหะ หรือเข้าไปอยู่ใกล้กับคนที่เป็นหวัด ตรงนี้ต้องป้องกัน ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมสุขภาพของตัวเองให้ดีให้มีภูมิต้านทาน และถ้าใครป่วย ต้องแยกให้ถูกวิธีและชัดเจน และป้องกันกันอย่างเต็มที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า อัตราผู้เสียชีวิต และผู้ป่วยทั่วประเทศสะท้อนว่า วิ่งตามปัญหาหรือไม่ นายแพทย์มงคล กล่าวว่า อัตราการป่วย การตาย อย่าเอาเป็นเครื่องชี้วัด ทุกคนต้องเป็นเจ้าภาพในการดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว และดูแลชุมชน โดยเฉพาะ อบต.ที่คิดว่ามีบทบาทที่สำคัญมาก ส่วนการผลิตวัคซีนดำเนินการมากว่า 2 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาสนใจ ตอนที่มีไข้หวัด 2009 ฉะนั้นทีมงาน ผู้เชี่ยวชาญของประเทศ มีความชำนาญในเรื่องนี้ค่อนข้างพร้อม เพียงแต่คอยเอาเชื้อตัวนี้เข้ามา เพื่อจะใช้ในการทำวัคซีน แต่ความรู้นี้ยังเป็นความรู้ใหม่ การทำวัคซีนอาจจะขัดข้อง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและองค์การอนามัยโลก กำลังแก้ปัญหาอยู่

นายแพทย์มงคล กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจว่าปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า จะได้วัคซีนของเราเอง แต่การที่จะสั่งจองซื้อตรงนั้นตนเรียนว่า จองซื้อเท่านั้น เพราะยังไม่มีที่ไหนผลิตวัคซีนได้ ซึ่งทำเองเอาไว้ส่วนหนึ่ง แต่เผื่อผิดพลาดได้ไปจองซื้อของคนอื่นไว้ด้วย ถ้าหากว่าของเราเกิดมีปัญหา จะได้ใช้ของคนอื่น หรือถ้าของคนอื่นมีปัญหา ก็ไม่ต้องไปซื้อา เพราะเป็นการจองเท่านั้นเอง เหมือนกับเป็นการซื้ออาวุธสงครามมาเก็บเอาไว้ เพื่อจะสร้างความมั่นคงให้กับประเทศชาติ

นายแพทย์มงคล กล่าวด้วยว่า การทดสอบวัคซีนในคน หรือสัตว์ คงจะเป็นไปในระยะเวลาที่กำหนดไว้เดิม แต่การที่จะเอาออกมาใช้ต้องพยายามผลิตในต้นทุนต่ำกว่านี้ และผลผลิตสูงกว่านี้ ถ้าผลิตได้ต้องให้ครบที่จะใช้กับคนทุกคนได้จะดี แต่ขึ้นอยู่กับผลผลิตว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/29063