ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2552

"วิทยา" เผยเตรียมรับมือไข้หวัดใหญ่ 2009 หวั่นระลอก2 ระบาด

“วิทยา” เผย 3 เดือนครึ่ง “หวัด 2009” ทำสะบักสะบอม ระบุแม้นายกแพทยสภาจะบอกว่า ไม่น่าจะมีระบาดระลอก 2 แต่จะไม่ประมาท ขณะที่ พ่อ-แม่ หนุ่มวัย 28 ปี ที่เสียชีวิตด้วยอาการคล้าย “หวัด 2009” บุก สธ.วอน “วิทยา” เร่งสอบสวน 2 รพ.เอกชน ช่วยขอเวชระเบียน ส่วนค่ารักษาทั้งสิ้น 2.7 ล้าน ทยอยจ่ายไปแล้วล้านบาท ยอมรับค่ารักษาสูงมาก ขณะที่ “วิทยา” ติดใจวิธีการรักษา สั่ง สบส. สอบหาข้อเท็จจริงด่วน เผยพร้อมจะเจรจาต่อรองค่ารักษาให้ ด้านเกษตรกรชาวร้องกวาง ร้องสื่อสามีแข็งแรงดี รพ.มีจดหมายให้ไปฉีดวัคซีนป้องกัน อ้างว่าเป็นกลุ่มเสี่ยง แต่กลับถึงบ้านเกิดแน่นหน้าอก ญาติรีบส่ง รพ.แต่เสียชีวิตก่อน หมอบอกไม่เกี่ยวฉีดยา แต่เมียคนตายยืนยันแข็งแรงดี ส่วนที่ นครศรีฯ สังเวยอีกราย ชายวัยเพียง 36 ปี ป่วย 4 วันเสียชีวิต เชื่อปอดมีปัญหาแต่คนไข้ไม่รู้ตัว

ที่ จ.แพร่ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. นางสุจอง ตาเถิง อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 41 หมู่ 10 บ้านผาหมูเหนือ อ.ร้องกวาง ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายพายัพ ตาเถิง อายุ 47 ปี สามี ได้รับจดหมายจาก รพ.ร้องกวาง พร้อมกับ นายถา หาดทราย และนางอำพิน เหตะ วรางกุล ว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ขอให้มาฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไข้หวัด ทั้งที่สามีตนก็ร่างกายแข็งแรง ยังออกไปทำไร่ตามปกติ แต่ก็เชื่อจึงไปฉีดวัคซีนตามที่ได้รับจดหมาย ส่วนอีก 2 คนไม่ไป หลังฉีดแล้ว พยาบาลให้นั่งพักเพื่อดูอาการ เมื่อไม่แพ้ยาก็ให้กลับบ้านได้ จึงออกไปทำไร่ข้าวโพดตามปกติ แต่เกิดอาการแน่นหน้าอก จึงรีบ พาไปส่ง รพ.ร้องกวาง แต่เสียชีวิตก่อน แพทย์ให้รับศพกลับได้โดยไม่มีการชันสูตรพลิกศพแต่อย่างใด บอกว่าสาเหตุการเสียชีวิตไม่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนดังกล่าว ซึ่งตนยืนยันว่า สามีแข็งแรงและไม่ได้ป่วย แต่ไปฉีดยาตามหมอนัดแล้วก็ตาย จึงมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครศรีธรรมราช ว่าในวันเดียวกันนี้ ที่ รพ.มหาราชนครศรีฯ มีคนไข้เป็นชาย อายุ 36 ปี ชาว จ.นครศรีฯ เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัด 2009 โดย นพ.ปิยะ มงคลวงศ์โรจน์ อายุรแพทย์ เปิดเผยว่า คนไข้มีไข้สูงและหอบค่อนข้างหนัก รักษาที่คลินิกแล้วไม่ดีขึ้นจึงมา รพ. ได้เอกซเรย์ปอดพบมีการติดเชื้อที่ปอดทั้งสองข้าง จึงส่งเสมหะไปตรวจ ทราบผลเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า มีเชื้อไวรัสไข้หวัด 2009 แต่ได้เสียชีวิตไปเมื่อเช้าวันนี้ ซึ่งค่อนข้างเร็วมากหลังเข้ามารักษาเพียง 4 วันซึ่ง รพ.ได้พยายามช่วยอย่างเต็มที่แล้ว สันนิษฐานว่า ปอดคนไข้น่าจะมีปัญหามาก่อนโดยที่คนไข้ไม่รู้ตัว

ขณะที่ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว. สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ระบุว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไม่น่าจะระบาดระลอก 2 ว่า ความเห็นของนักระบาดวิทยาก็ยังบอกว่าอาจจะมีการระบาดระลอก 2 อยู่ในช่วงปลายฝน ต้นหนาว ส่วนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ คือ ศ.นพ.สมศักดิ์ ที่ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ บอกว่ามันจบแล้ว ก็ไม่รู้จะเชื่อหรือฟังใครดี แต่สิ่งสำคัญคือ กระทรวงสาธารณสุขจะประมาทไม่ได้

“แม้จะมีข้าศึกหรือไม่ แต่ก็เตรียมกำลังให้พร้อม และมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ต่อไป เพราะในช่วง 3 เดือนครึ่งที่ผ่านมา ผมสะบัก สะบอมไปทั้งตัว ดังนั้นไม่ว่าจะมีการระบาดระลอกที่ 2 หรือไม่ ก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน เพราะหากไม่เตรียมพร้อมเดี๋ยวจะโดนหนักอีก” นายวิทยา กล่าว

ต่อมาช่วงบ่าย นายธวัชสิทธิ์ และนางธัญญพัฒน์ ตวงสินกุลบดี พ่อแม่ของ นายพีรวีร์ ตวงสินกุลบดี อายุ 28 ปี ผู้เสียชีวิตด้วยอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 3 ล้านบาทจากการรักษา รพ.เอกชน 3 แห่ง พร้อมด้วย นายปรวุฒิ และนางพวงผกา พิพัฒน์เบญจพล น้าชายและน้าสะใภ้ ได้เข้าพบ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว. สาธารณสุข เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีการเสียชีวิตของนายพีรวีร์ เนื่องจากขอเวชระเบียนของโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่งแต่ถูกบ่ายเบี่ยง ส่วนค่ารักษาที่ รพ.แห่งที่ 3 จำนวนเงินทั้งสิ้น 2.7 ล้านบาท ได้ทยอยจ่ายไปแล้วล้านบาทเศษ แม้ไม่ติดใจแต่ก็คิดว่าค่อนข้างสูง

ด้าน นายวิทยา กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ที่ดูแลกองการประกอบโรคศิลปะ รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบให้ทราบในวันที่ 25 ส.ค. ภายหลังจากที่ตนได้สั่งการให้เข้าไปดูแลเรื่องนี้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่สูงถึง 2.7 ล้าน บาทในโรงพยาบาลแห่งที่ 3 นั้นตนได้ฝาก สบส. เข้าไปดูแลช่วยเจรจาให้ลดลงแล้ว.

ที่มา: http://dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=38&contentID=16098