ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

ต้มโคล้งรวมมิตรตำรับอาหารไทย สูตรแม่นายกฯ ช่วยต้านหวัด 2009

ในงาน “มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 6” ภายใต้แนวคิด “พืชผักสมุนไพร สร้างเศรษฐกิจไทย ต้านภัยไข้หวัด” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 ก.ย. ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีการทำ “น้ำซุปต้มโคล้งไก่บ้านต้านหวัด” สูตร คุณแม่นายกฯ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ มาให้ประชาชนได้ชิมกัน โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้นำสูตรดังกล่าวมาเผยแพร่ด้วย

ตำรับอาหารต้านหวัด

ต้มโคล้งรวมมิตร
(ตำรับ ศ.พญ.สดใส เวชชาชีวะ)

ต้มโคล้งเป็นตำรับอาหารไทยที่มีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิดที่มีสรรพคุณต้านหวัด ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง เหมาะกับสถานการณ์การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เป็นอย่างยิ่ง

เครื่องปรุง 1. ตะไคร้ 5 ต้น (ล้างหั่นเป็นท่อน ๆ) 2. ข่า (ล้าง เผา ปอก หั่น 1 กำมือ) 3. ขิง (ล้าง ปอก หั่น 1 กำมือ) 4. ขมิ้นชัน (ขมิ้นแกง 5 ท่อนปอกหั่น) 5. หอมแดง (เผา) ทุบพอแตก 6. มะขามอ่อน 1-2 ฝัก หรือยอดมะขามอ่อน 1 กำมือ 7. เกลือ 1 ช้อนชา 8. น้ำ 3 ลิตร 9. น้ำซุปไก่หรือ ปลากรอบชนิดต่าง ๆ ปลาช่อนแห้ง ปลาแดดเดียว (ย่าง) ชนิดใดชนิดหนึ่ง 10. กะเพรา 1 กำมือ 11. พริกขี้หนูตามชอบ และพริกแห้งเผา 2 เม็ด

วิธีปรุง เครื่องปรุง 1-8 ต้มให้เดือดสักพัก (ควรใช้หม้อเคลือบ) ถ้าไม่ต้องการเปรี้ยวมากเอาฝักมะขามอ่อนออกเสียก่อน

ต่อไปแบ่งน้ำและเครื่องปรุงที่ต้องการรับประทานมา ต้มกับปลากรอบหรือเติมน้ำซุปไก่ (อาจใส่เนื้อไก่ลงไปด้วย) ลงไปประมาณหนึ่งต่อสี่ แล้วเติมกะเพราและพริก ก่อนยกลงจากเตา (ส่วนที่เหลือเก็บทำได้อีกในวันรุ่งขึ้น) ชิมดูขาดรสอะไร เติมได้ตามชอบ เช่น ขาดรสเค็มก็เติมน้ำปลา ขาดรสเปรี้ยวก็เติมมะนาว ขาดรสเผ็ดก็เติมพริก ชอบรสหวานก็เติมน้ำตาล

วิธีการเตรียมซุปไก่ เพื่อบรรเทาหวัด เป็นดังนี้ ตุ๋นไก่ชำแหละแล้ว 1 ตัว น้ำประมาณ 4 ลิตร ใช้ไฟอ่อน ๆ จนไก่เปื่อยจนน้ำเหลือประมาณ 1 ลิตร ช้อนเนื้อและกระดูกออก เก็บส่วนที่เป็นน้ำไว้เป็นน้ำสต๊อกของน้ำซุปไก่

วิธีรับประทาน รับประทานกับข้าวสวย และซดน้ำแกงตามชอบสรรพคุณสมุนไพรในต้มโคล้งรวมมิตร

ตะไคร้ เป็นสมุนไพรที่คนไทยและคนจีนโบราณใช้ในการรักษาหวัด หวัดใหญ่ แก้ไข้ แก้ปวดหัว มีฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกัน แก้อักเสบได้ดีเยี่ยม ตะไคร้เหมาะสำหรับการบรรเทาอาการหวัด เพราะมีรสเผ็ดร้อน และมีน้ำมันหอมระเหยทำให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยทำให้เกิดความผ่อนคลาย

ขิง คนทุกมุมโลกใช้ขิงแก้หวัด แก้ไอ–มีสารหลายชนิดในขิงมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และมีการทดลองพบว่า น้ำขิงต้มทำให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโครฟาส จับกินเหยื่อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ดีขึ้น

หอมแดง คนไทยใช้หอมในการรักษาหวัดมาตั้งนานแล้ว พบว่าในหัวหอมเล็กมีสารเคอร์ซิติน ที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ ฤทธิ์เพิ่มภูมิคุ้มกัน ฤทธิ์ต้านฮิสตามีน ช่วยขยายหลอดลม

กะเพรา คนไทยและคน อินเดียนิยม แก้หวัด แก้ไอ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง มีฤทธิ์ต้านอาการไอ คลายเครียด แก้อักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ

ข่า สมุนไพรรสร้อน ที่ช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย ทำให้ร่างกายอบอุ่น ช่วยลดน้ำมูก ขับเสมหะ และ ลดอาการอักเสบหรืออาการอื่น ๆ อันเนื่องจากหวัด

ขมิ้นชัน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ แก้แพ้ ต้านอนุมูลอิสระ อินเดียนิยมใช้เป็นยาแก้หวัด

พริก ช่วยให้ระบบการหายใจสะดวกสบายยิ่งขึ้น สารแคปไซซินที่อยู่ในพริกมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำมูกหรือสารคัดหลั่งที่ขัดขวาง ระบบการหายใจ รวมทั้งยังใช้บรรเทาอาการไอในผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด ไซนัส หรือโรคภูมิแพ้ต่าง ๆ นอกจากนั้นสารเบตาแคโรทีนในพริกช่วยป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ในบริเวณเนื้อเยื่อบุผนังช่องปาก จมูก ลำคอ และปอดอีกด้วย

ใบมะขามอ่อน มีรสเปรี้ยว ช่วยขับเสมหะ ช่วยระบายความร้อน ลดไข้

น้ำซุปไก่เป็นยาต้านหวัด นาย แพทย์สตีเฟน เรนนาร์ด หัวหน้าแผนกโรคปอดแห่งมหาวิทยาลัยเนแบรสกา แนะนำให้ตุ๋นไก่ทั้งตัว เอาน้ำซุปจิบแก้ไอเนื่องจากหวัด ได้ผลดี ไก่มีกรดอะมิโนตามธรรมชาติชื่อซีสเทอีน (cysteine) ซึ่งมีสูตรโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกับยาอะเซทีลซีสเทอีน ซึ่งเป็นยาขับเสมหะตัวหนึ่ง (อันที่จริงยาอะเซทีลซีสเทอีน ก็มีต้นกำเนิดมาจากสารสกัดจากขนและหนังไก่)

หมอสตีเฟน ศึกษาพบว่า ซุปไก่มีฤทธิ์ยับยั้งการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวที่ชื่อ “นิวโทรฟิลส์” ไปยังเนื้อเยื่อปอด ซึ่งจะช่วยลดขบวนการอักเสบในปอด และบรรเทาการไอได้

การใช้ซุปไก่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 เพื่อรักษาอาการหอบหืดเมื่อพิสูจน์ก็พบว่า มันใช้ได้ผลจริง โดยเฉพาะการบรรเทาอาการคัดจมูกและป้องกันไม่ให้เกิดการไอซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก แม้เจือจางซุปไก่ด้วยน้ำ 200 ส่วน มันก็ยังออกฤทธิ์ได้.

ที่มา: http://dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=505&contentId=18326

องค์การอนามัยโลกเตือนเขมร พื้นที่แพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

ซินหัว - ทางการกัมพูชาและองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกเตือนว่า ขณะนี้กัมพูชาอยู่ในภาวะการเผชิญหน้ากับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส A/H1N1 หรือโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

กระทรวงสาธารณสุขและองค์การอนามัยโลก รายงานว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับเชื้อจากต่างประเทศหรือไม่ ก็ติดต่อจากนักท่องเที่ยวมากกว่าที่จะติดจากคนในประเทศด้วยกันเอง แต่ในตอนนี้มีตัวบ่งชี้ว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส A/H1N1 ในท้องถิ่นเกิดขึ้นแล้ว

“มีผู้ป่วยชาวเขมร 5 ราย ได้รับการยืนยันแล้วว่า ได้รับติดเชื้อไวรัสจากภายในประเทศ เพราะไม่มีประวัติการเดินทางหรือติดต่อกับนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่น้อย” ทั้งนี้ เป็นข้อความส่วนหนึ่งจากรายงานที่ระบุไว้

จนถึงวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัส A/H1N1 ในกัมพูชามีทั้งหมด 31 ราย โดยที่ผู้ป่วยได้รับการรักษาจนหายเป็นปกติแล้ว

องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นับถึงวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 209,438 คน จากกว่า 180 ประเทศทั่วโลก และมีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวนี้เพียง 1% เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัสนี้ได้แพร่ระบาดไปทั่วทุกมุมโลกจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อ WHO อีกในระยะนี้

สำหรับความพยายามที่จะชะลอการแพร่ระบาดของโรคนี้ในกัมพูชา ผู้ป่วยที่ได้รับการทดสอบแล้วว่าติดเชื้อไวรัส A/H1N1 จะต้องเข้ารับการรักษาอาการป่วยหรือแยกตัวอยู่กับบ้าน หรือที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลา 7 วัน

ที่มา: http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9520000102346