เด็กนักเรียนในอินเดียสวมหน้ากากป้องกันหวัดพันธุ์ใหม่ ขณะที่ไวรัสเอช1เอ็น1 ส่งผลกระทบต่อทวีปอเมริกาใต้มากที่สุด
ในช่วงค่ำวันอังคาร(18) บราซิล เปิดเผยว่ายอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสเอช1เอ็น1 ภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 368 ราย รั้งอันดับ 2 ของภูมิภาคตามหลัง อาร์เจนตินา ที่พบผู้เสียชีวิตแล้ว 404 รายซึ่งมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกเป็นรองเพียงจำนวน 447 รายของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
เชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 แพร่กระจายในทวีปอเมริกาใต้อย่างกว้างขวางระหว่างที่ซีกโลกใต้อยู่ในช่วงฤดู หนาว และในหลายประเทศก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่แซงหน้าไข้หวัดตาม ฤดูกาลไปแล้ว
ด้วยเหลือเวลาอีกถึงเดือนเศษกว่าที่วัคซีนต้นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่จะสามารถนำมาใช้ได้ ประกอบกับประเทศร่ำรวยกว้านซื้อวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิตยักษ์ใหญ่ไว้เกือบ ทั้งหมด -- ชาติในกลุ่มละตินอเมริกากำลังมองไปถึงการละเมิดสิทธิบัตรเพื่อผลิตยาด้วยตน เอง
นางคริสตินา เคิร์ชเนอร์ ประธานาธิบดีอาร์เจนตินา ในช่วงค่ำวันอังคาร(18) ยืนยันคำเรียกร้องของเธอที่ขอให้กลุ่มบริษัทยายกเว้นสิทธิบัตรในการผลิต วัคซีนต้านไวรัสเอช1เอ็น1 เพื่อพวกเขาสามารถผลิตวัคซีนเองได้
"ด้วยกรณีบริษัทยายอมรับว่าพวกเขาไม่สามารถผลิตวัคซีนต้านไวรัสเอช 1เอ็น1 ได้เพียงพอต่อโลก สิทธิทางเศรษฐกิจควรถูกระงับเพื่อปกป้องสุขภาพของมนุษยชาติ" เธอกล่าว พร้อมระบุว่า อาร์เจนตินา บราซิลและอุรุกวัย ควรร่วมมือกันเพื่อผลิตวัคซีนสำหรับภูมิภาคละตินอเมริกา
ทั้งนี้ในละตินอเมริกามีผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วถึง 1,303 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้เสียชีวิตทั่วโลก
ขณะที่องค์การอนามัยโลกเมื่อวันพุธ(12) ยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 ทั่วโลกแล้ว 182,166 ราย ในจำนวนนั้นมีผู้เสียชีวิต 1,799 คน เพิ่มขึ้นจากเมื่อสัปดาห์ก่อนที่พบผู้เสียชีวิต 1,462 ราย กว่า 300 คน
องค์การอนามัยโลกระบุต่อว่าไข้หวัดมรณะเวลานี้แพร่ระบาดไปยัง 170 ประเทศและดินแดนต่างๆ โดยประเทศล่าสุดที่พบผู้ติดเชื้อคือ กานา ตูวาลูและแซมเบีย
ส่วนทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้พบมีผู้เสียชีวิตรวมกันถึง 1,579 คน ขณะที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 106 คนและยุโรป 53 คน
ที่มา: http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000094648