นอกจากนี้ แมรี่ พอล คีนีย์ ผู้อำนวยการด้านวิจัยวัคซีนขององค์การอนามัยโลก ยังเตือนด้วยว่าวัคซีนจะไม่เพียงพอต่อพลเมืองโลกทั้งหมดและประชาชนไม่ควรไว้ วางใจวัคซีนเพียงอย่างเดียว พร้อมแนะให้ใช้มาตรการป้องกันอื่นๆในการต่อสู้กับไว้รัสเอช1เอ็น1 อาทิหลีกเลี่ยงแหล่งชุมนุมชนขนาดใหญ่ รวมถึงปิดโรงเรียนและเอาใจใส่ต่อสุขลักษณะส่วนตัว
คีนีย์ ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารด้านสาธารณสุขฉบับหนึ่งซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ(2) ว่า "มีมาตรการอื่นๆ อาทิเว้นระยะห่างทางสังคม ปิดโรงเรียน หลีกเลี่ยงสถานที่ชุมนุมชน ใช้ยาปฏิชีวนะและเอาใจใส่ต่อสุขลักษณะส่วนตัว นี่ไม่เหมือนโรคพิษสุนัขบ้า ที่เหยื่อต้องตายทุกคนหากไม่ได้รับวัคซีน เรากำลังพูดถึงโรคติดต่อที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายเองได้"
ผู้อำนวยการด้านวิจัยวัคซีนย้ำว่าองค์การอนามัยโลกจะช่วยประเทศต่างๆ ให้เข้าถึงวัคซีนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และชาติร่ำรวยอาจต้องจ่าย มากกว่า 25 ดอลลาร์สำหรับวัคซีน 1 โดส
"อุตสาหกรรมนี้จะกำหนดราคาเป็นขั้นๆ ดังนั้นประเทศที่มีรายได้สูงอาจต้องจ่ายเงินราว 10 ถึง 20 ดอลลาร์ต่อโดส ส่วนประเทศที่มีรายได้ระดับกลางอาจต้องจ่ายครึ่งหนึ่ง ขณะที่ประเทศที่มีรายได้น้อยจะซื้อได้ในราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่งของประเทศ ระดับกลาง" เธอกล่าว
อังกฤษและฝรั่งเศสได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ชุดแรกแล้วเมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคม ขณะที่รัฐบาลของหลายประเทศเริ่มต้นรับมือกับความคาดหมายว่าอาจเกิดการระบาด ของไวรัสเอช1เอ็น1ระลอกสองในช่วงฤดูหนาวของประเทศในซีกโลกเหนือ
ที่มา: http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000100564