ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในเวียดนามระบาดเร็ว สุดสัปดาห์เจอผู้ป่วยติดเชื้อกว่า 300 ราย

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส A/H1N1 หรือไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ในเวียดนาม พุ่งสูงขึ้นอีกมากกว่าวันละ 150 ราย โดยในวันที่ 29 ส.ค.พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้สูงที่สุดถึง 157 ราย และพบอีก 152 รายในวันที่ 30 ส.ค.

ภาพสำนักข่าวเวียดนามเน็ต โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนและโรคติดต่อในนครโฮจิมินห์รับคนไข้อีกนับร้อยใน ช่วงสุดสัปดาห์มานี้ ไวรัส A/H1N1 ยังคงลุกลามไม่หยุดและแพร่ระบาดเร็วกว่าเดิม เพียงแค่สองวันพบผู้ป่วยกว่า 300 คนทั่วประเทศ

ผู้ป่วยที่พบส่วนใหญ่อาศัยอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อที่พบในบริเวณพื้นที่ราบสูงภาคกลางก็ยังคงเพิ่มจำนวน ขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดมีผู้ป่วยรายใหม่อีก 18 รายเมื่อวันที่ 30 ส.ค.

จนถึงในช่วงสัปดาห์ระหว่างวันที่ 23-30 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั่วประเทศพบผู้ติดเชื้อไวรัส A/H1N1 เพิ่มอีกถึง 825 ราย นับเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าเดิมเมื่อเทียบจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่พบผู้ ป่วยทั้งสิ้น 533 ราย

อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 นี้ โรงเรียนหลายแห่งในเมืองหลวงหรือกรุงฮานอยได้อยู่ภายใต้แผนการป้องกันการ แพร่ระบาดเป็นอย่างดี ทำให้จนถึงวันที่ 28 ส.ค.ยังไม่ปรากฏผู้ติดเชื้อรายใหม่

นายเหงียน ฮวี งา (Nguyen Huy Nga) อธิบดีกรมป้องกันควมคุมโรคและสิ่งแวดล้อมกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทางกระทรวง ได้ทำการตรวจตราตามโรงเรียนต่างๆ ในกรุงฮานอยและจังหวัดถายงเวียน (Thai Nguyen) ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือเป็นจำนวนทั้งสิ้น 13 โรง แต่โรงเรียนตามพื้นที่ในชนบทนั้นยังคงพบกับอุปสรรคในการดำเนินการป้องกันการ ติดเชื้อไข้หวัด อันเนื่องมาจากสภาวะด้านสุขอนามัยที่ไม่ดีในประชาชน การขาดแคลนเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุข และจำนวนหน้ากากอนามัยที่ไม่เพียงพอแจกจ่ายให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียน ต่างๆ

นับตั้งที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ในเวียดนาม จำนวนผู้ติดเชื้อดังกล่าวยังคงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามการรายงานของกระทรวงสาธารณสุข โดยจำนวนผู้ป่วยที่ปรากฏในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ค.พบยอดผู้ป่วยเพิ่มเพียง 300 ราย และขยับสูงขึ้นอีกจำนวนกว่า 1,000 ราย ในช่วงต้นเดือน ส.ค.

ที่มา:http://manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9520000100246

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น