ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กลุ่มประเทศยากจนหวั่นถูกประเทศพัฒนากว้านซื้อวัคซีนไข้หวัด2009

เอเจนซี - แอฟริกาใต้ไม่มีทางเลือกเว้นแต่ต้องพัฒนาวัคซีนต้านไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของตนเอง รัฐมนตรีสาธารณสุขระบุเมื่อวันพุธ(26) อ้างถึงความกังวลว่าวัคซีนจะไม่เข้าไปถึงกลุ่มประเทศยากจน

"แอฟริกาใต้ได้มาถึงสถานการณ์ที่เราไม่มีทางเลือกเว้นแต่เริ่มต้น พัฒนาประสิทธิภาพวัคซีนด้วยตนเอง และไม่ใช่แค่เพียงสำหรับเชื้อเอช1เอ็น1 แต่รวมถึงทั่วๆไปด้วย" แอรอน มอตโซอาเลดี รัฐมนตรีสาธารณสุขแอฟริกาใต้บอกกับรัฐสภา

"นี่คือสถานการณ์วุ่นวายของโลก ณ วันนี้...ที่มีความกังวลมาจากรัฐมนตรีสาธารณสุขกัมพูชา ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าหลังจากกระบวนการผลิตวัคซีน ชาติพัฒนาแล้วอาจต้องการให้วัคซีนครอบคลุมพลเมืองของพวกเขาเป็นอันดับแรก ก่อนคิดถึงชาติกำลังพัฒนา" มอตโซอาเลดี กล่าว

อุตสาหกรรมวัคซีนกำลังเติบโตในแอฟริกาใต้ แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าประเทศแห่งนี้ยังไม่มีขีดความสามารถเพียงพอในการผลิต วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009ได้ในเร็ววันนี้

องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009เป็นโรค ระบาดเมื่อเดือนมิถุนายน และจนถึงเวลานี้มันได้คร่าชีวิตพลเรือนทั่วโลกไปแล้วอย่างน้อย 1,800 ราย หลังจากแพร่กระจายไปเกือบ 180 ประเทศ ในจำนวนนั้นรวมไปถึง 25 ชาติในทวีปแอฟริกาด้วย

ตัวเลขล่าสุดของสถาบันควบคุมโรคติดต่อแห่งชาติของแอฟริกาใต้ พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากไวรัสเอช1เอ็น1ในประเทศแล้ว 15 รายและมีผู้ติดเชื้อกว่า 5,000 คน

ทั้งนี้มีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อผู้หญิงตั้งครรภ์และเด็กๆ ทั่วโลกแล้วกว่า 182,000 ราย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าตัวเลขผู้ติด เชื้อที่แท้จริงน่าจะเป็นหลายล้านคนเข้าให้แล้ว

แม้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่สามารถรักษาหายได้โดยใช้ยาโอเซลทามิเวียร์ แต่มีคำแนะนำให้ใช้วัคซีนสำหรับวิธีป้องกันพลเรือนในวงกว้าง

มอตโซอาเลดี กล่าวว่า "น่าเสียดาย...ที่ประเทศกำลังพัฒนาไม่มีความสามารถในการผลิตวัคซีนด้วยตนเอง และขณะดียวกัน กระบวนการผลิตทั้งหมดอยู่ในยุโรป อเมริกา รวมไปถึงจีน"

ที่มา: http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000097599

เชิญชวนคนรุ่นใหม่กินผักผลไม้ต้านภัยไข้หวัด 2009

ตอนนี้คนไทยกำลังกลัว เรื่องไข้หวัด 2009 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ รวมไปถึงสารพัดโรคติดต่อที่มีข่าวอยู่ ทำให้หลายคนถึงกับวิตกกังวลจนชีวิตไม่เป็นสุข ต้องหายามากินป้องกันบ้าง สวมหน้ากากกันเชื้อโรคบ้าง
แต่การป้องกันโรคระบาดต่างๆ ที่ยั่งยืนนั้นคือพยายามทำร่างกายให้แข็งแรงเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รศ.ดร.พร้อมจิต ศรลัมพ์ เภสัชกร มหาวิทยาลัยมหิดล มีคำแนะนำว่าคุณแม่บ้านและหนุ่มสาววัยทำงานยุคปัจจุบันควรต้องหันมาให้ความสำคัญ ในการเลือกสรรพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านที่มีอยู่แล้ว นำมาปรุงเป็นอาหารรับประทานเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อต้านภัยไข้หวัด

“คนไทยเราโชคดีที่สุดที่มีความหลากหลายทางทรัพยากร และภูมิปัญญาของเราเอง ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งนี้ เป็นเพราะเราไม่รู้จักมาก่อน และร่างกายเราเองก็ไม่รู้จัก ในทางทฤษฏีการแพทย์แผนไทย เน้นการป้องกันก่อนเกิดโรค การบริโภคพืชผักและสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรค**(Anti Occident)** เป็นการป้องกันจากภายในโดยเข้าไปช่วยการสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับเม็ด เลือดขาว”
ความหลากหลายของผักและสมุนไพรพื้นบ้าน ซึ่งคนโบราณมีวิธีแยกความแตกต่างและคุณประโยชน์ จากสี กลิ่น และรสชาติ ทำให้สามารถนำมาใช้ได้ในวิถีชีวิตประจำวัน ทั้งในช่วงที่เป็นไข้หวัดและไม่เป็นไข้หวัด

จะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมการ กินของคนไทยจะเลือกพืชผักที่มีสีสวยและกลิ่นหอม สีสดๆ อาทิ หอมแดง จะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ ที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง ชนิดที่มีกลิ่นหอมเท่ากับน้ำมันหอมระเหย ส่วนผักที่มีรสเปรี้ยว ฝาด จะมีกรดวิตามินซีสูง เพิ่มความต้านทานไข้หวัด ในเชิงวิทยาศาสตร์มีสาร **ไพโทนิน** ในพืชผักซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่คนไทยในแต่ละท้องถิ่นเห็นถึงความแตกต่าง และเลือกนำมากินได้อย่างเหมาะสมและถูกวิธี


สำหรับพืชผักที่ควรนำมาบริโภคในช่วงไข้หวัดระบาดนี้ ได้แก่กลุ่มผักมีสี อาทิ กระเจี๊ยบแดง มะเขือเทศ มะละกอ กลุ่มที่มีกลิ่นหอม อาทิ หอมแดง กระชาย มะตูม กลุ่มที่มี รสเปรี้ยว อาทิ สมอ มะขามป้อม ส่วนที่มีรสเผ็ดร้อน อาทิ ขิง ขมิ้น โหระพา กระเพรา กลุ่มรสฝาด อาทิ สมอไทย สมอพิเภก ชาเขียว สำหรับรสขม สะเดา เพกา(ลิ้นฟ้า) ซึ่งมีวิตามินซีสูงมาก

ส่วนการรับประทานนั้น ควรจะนำมาปรุงเป็นอาหารเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติและช่วยให้รับประทานได้ง่ายมีรส ชาติมากขึ้น เมนูที่ปรุงง่ายและได้ประโยชน์คงไม่พ้น “ยำผักสมุนไพร” หรือ “ผักสด-ผักลวดจิ้มน้ำพริก” ดูจะเป็นอาหารไทย ๆ ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายแถมใช้เวลาในการปรุงไม่มากนัก และรสชาติที่ออกเปรี้ยว-เผ็ด-เค็ม-หวาน น่าจะถูกปากเวลาทาน และถ้าเป็นไปได้ควรพยายามรับประทานผักเหล่านี้ให้ได้ทุกวัน เพราะนอกจากจะมีวิตามินซีสูงต้านไข้หวัดแล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันลดมะเร็งซึ่งเป็น ผลดีในระยะยาว

**ข้อมูลจาก งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2552 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ที่มา: http://manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9520000097218