ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ระบาดไม่หยุด ล่าสุด "ไข้หวัด 2009" คร่าชีวิต "หมอเชียงใหม่" แล้วอีกราย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ก.ค.) นพ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่า มี อาจารย์แพทย์ที่จ.เชียงใหม่ ท่านหนึ่งเสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า เป็นความจริง โดย นพ.ท่านนี้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่วนรายละเอียดนั้นคงต้องรอให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ให้รายละเอียด อย่างไรก็ตามศพของแพทย์ท่านนี้ได้มีการสวดอภิธรรมที่วัดพระสิงห์วรวิหาร โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 30 ก.ค.


ทั้งนี้จากการสอบสวนโรคทราบว่า แพทย์ท่านนี้มีโรคประจำตัวอยู่แล้วเช่น โรคหัวใจ โรคไต เมื่อติดเชื้อทำให้ลามไปสู่ปอด ก่อนเสียชีวิตด้วยวัย 57 ปี ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หรือ โรงพยาบาลสวนดอก ส่วนการติดเชื้อนั้นคาดว่าติดจากโรงพยาบาล.

ที่มา: http://dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=38&contentID=11167

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ความรู้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009แก่เด็กนักเรียน หลังพบนักเรียนสัมผัสเชื้อหวัด

สาธารณสุขสะเดา จ.สงขลา ตรวจคัดกรองและให้ความรู้นักเรียนหน้าเสาธง หลังพบนักเรียนสัมผัสเชื้อหวัดใหม่ 2 ราย ขณะพบผู้ติดเชื้อในอำเภอสะเดาแล้ว 17 ราย ...

วันนี้ (30 ก.ค.) เวลา 08.30 น.เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยนายธนพันธ์ จรสุวรรณ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ นางอุไร ใบตาเย็น นักวิชาการสาธารณสุข พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ออกรณรงค์การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนหน้าเสาธง เรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ณ โรงเรียนสะเดาขรรค์ชัย ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของอำเภอสะเดาและมีนักเรียนจำนวน มากกว่า 2,000 คน หลังพบมีนักเรียนสัมผัสเชื้อ แล้วจำนวน 2 คน เป็นนักเรียน ชั้น ม.4 และ ม.5 ได้แยกตัวและส่งตัวไปรักษาและเฝ้าดูอาการแล้วที่ รพ.ในอำเภอหาดใหญ่แล้ว ทำให้บรรดาเด็กนักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีโอกาสที่ที่อาจจะติดเชื้อและก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ง่าย ถ้าไม่ได้รับการแนะนำให้ความรู้ในการป้องกันอย่างถูกวิธี ส่วนนักเรียนที่มีอาการน่าสงสัย และเข้าข่ายในกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อนั้น ทางโรงเรียนได้ให้หยุดเรียนเพื่อรักษาตัวแล้ว โดยในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในอำเภอสะเดาแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 ราย

เบื้อง ต้นเจ้าหน้าที่ได้สาธิตการล้างมือใน 6 ขั้นตอนอย่างถูกวิธี และการสาธิตการสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ให้กินอาหารของร้อนใช้ช้อนกลาง ให้ความรู้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพของเด็กนักเรียน เน้นการล้างมือและการใช้หน้ากากอนามัย แจกหน้ากากอนามัยเด็กนักเรียนให้สวมใส่

หลังจากนั้นได้เข้าไปให้ความ รู้กับบรรดาพ่อค้า และแม่ค้าที่ขายอาหารให้กับเด็กนักเรียนภายในโรงอาหารของโรงเรียน ให้สวมหมวก และสวมใส่หน้ากากอานามัย ล้างมืออย่างถูกวิธี และเรื่องการรักษาความสะอาด โต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ล้างภาชนะต่างๆ เช่น แก้ว ถ้วย จาน ชาม ช้อน ให้สะอาดทั้งหมด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ 2009

โดย ทางสำนักงานสาธารณสุขสะเดา จะออกรณรงค์ไปตามหน่วยงาน และโรงงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะตามสถานประกอบการ สถานบันเทิง ในแหล่งท่องเที่ยว ในเขตพื้นที่ของอำเภอสะเดาให้ครอบคลุมทั้งหมด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/23018

แห่กินสมุนไพรป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยเฉพาะใบพาโหม แถมฟ้าทะลายโจรราคาพุ่ง

เผยฟ้าทะลายโจร ในกทม.ขาดตลาดอย่างหนัก เมืองคอนขาย ก.ก.ละ 120-150 บาท ปัจจุบันขายก.ก.ละ 1,000 บาทขึ้นไป ทำให้หันมาใช้ใบ"ตูดหมูตูดหมา" หรือใบกระพังโหม ที่ คนปักษ์ใต้มักเรียกว่า"ใบพาโหม"

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (29 ก.ค.) ว่า ภายหลังประชาชนตื่นตัวในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แห่เสาะหาสมุนไพรไทยโดยเฉพาะ "ฟ้าทะลายโจร”" มาบริโภคกันอย่างกว้างขวาง แม้ฟ้าทะลายโจรจะมีรสขมเป็นอย่างมากก็ตาม เมื่อกระทรวงสาธารณสุขออกมาระบุว่าการป้องกันการติดเชื้อหวัดมรณะที่ดี ที่สุดคือการทำให้สร้างกายมีสุขภาพแข็งแรง บริโภคอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสมุนไพรไทยมีมีสรรพคุณแก้ไข้หวัด ลดไข้ แก้ไอ ทำให้ประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชแห่เสาะหาสมุนไพรไทยหลายชนิดมาบริโภคกัน ในครัวเรือน และพกพาติดตัวไปบริโภคนอกบ้านตามสะดวก แม้แต่ตามร้านขายน้ำชา กาแฟริมถนนในตอนกลางคืนหลายร้านก็นำเอาสมุนไพรไทยมาไว้บริการลูกค้าด้วย

นอกจากฟ้าทะลายโจรแล้วสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเช่นกัน อาทิ พืชกระท่อม ขิง ข่า กระชาย พริกไทยดำ แต่ที่ได้รับความนิยมมากในลำดับต้น ๆ คือ ใบ"ตูดหมูตูดหมา" หรือใบกระพังโหม แต่ในจ.นครศรีธรรมราชและคนปักษ์ใต้มักเรียกว่า"ใบพาโหม" ปกติคนปักษ์มักจะใช้ใบพาโหมมาทำเป็นผักเหนาะ หรือหั่นเป็นฝอยผสมกับส่วนผสมของข้าวยำเป็นไม้เถาเนื้ออ่อนเลื้อยเกี่ยวพัน กับใบอื่น เถาว์จะอยู่รวมกันเป็นพุ่ม พาโหมเถาว์มี 2 ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันไป ลักษณะใบ ชนิดใบเรียวแหลม ข้อใบจะห่างกัน ใบแตกออกมาเป็นคู่เรียก "ตูดหมู" ชนิดใบกว้างรี ปลายแหลมใบแตกออกมาเป็นคู่ แต่ใบจะบางกว่าชนิดแรก ข้อใบแต่ละคู่อยู่ชนิดกัน เรียก "ตูดหมา" แต่มักจะเรียกรวม ๆ กันว่า "ตูดหมูตูดหมา" ส่วนดอกมีสีม่วงอมขาว มีขนาดเล็ก เป็นพวงออกจากโคนใบ ลักษณะผลเป็นช่อขนาดเท่าเมล็ดพริกไทย ออกจากช่อดอกที่ร่วงโรยไปแล้วยอด ส่วนที่ใช้เป็นอาหาร คือส่วน ยอดใบอ่อน ผล ดอก และมีรสชาติขมเจือมัน กลิ่นฉุน

นายสุชาติ สุขเกษม แพทย์แผนไทยที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในนาม"หมอชิต" เจ้าของร้านสุชาติสมุนไพร เป็นร้านจำหน่ายยาสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีร้านอยู่ 2 สาขา คือสาขาตลาดแม่สมจิตต์ ถนนยมราช และสาขาตลาดแขก ถนนกะโรม กล่าวว่า ประชาชนหันมาบริโภคสมุนไพรไทยหลายชนิดอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะที่นิยมมากที่สุดคือฟ้าทะลายโจร ทราบว่าในกรุงเทพมหานคร กำลังต้องการและขาดตลาดอย่างหนัก สำหรับที่ร้านของตนทั้ง 2 สาขา เมื่อก่อนขายราคา กิโลกรัมละ 120-150 บาท ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาขายหมดไปนับพันกิโลกรัม รวมทั้งที่บดเป็นผง หรือที่อัดเม็ด บรรจุแคปซูล ก็ขายดีมาก จนสินค้าที่ซื้อเก็บไว้ในร้านหมดไปอย่างรวดเร็ว

"เพิ่งมาทราบว่าร้านอื่น ๆ ขายกัน กิโลกรัมละ 1,000 บาทขึ้นไป เมื่อไปหาซื้อมาไว้ในร้านก็ค่อนข้างหายากและมีราคาสูงขึ้น หลายร้านที่ติดตามสถานการณ์หวัด 2009 ไม่ยอมขายโดยกักตุนไว้ขายในราคาสูง จึงต้องตระเวนออกรับซื้อฟ้าทะลายโจรสด ๆ จากชาวบ้านในชนบทห่างไกล สมุนไพรไทยชนิดอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มได้รับความนิยมและขายดีกว่าเดิมหมายเท่าตัว เช่น ใบพาโหม กระชายดำ ขิง ข่า"นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ใบพาโหม หรือตูดหมูตูดหมา เป็นสมุนไพรไทยสู้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อีกชนิดหนึ่ง กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้มีสรรพคุณ คือใช้เถาว์และใบมาตำคั้นเอาน้ำกิน ช่วยขับลมในท้อง แก้จุกเสียด ทั้งต้นแก้ตานร่วง ใบแก้พิษงู แก้ปวดฟัน แก้รำมะนาด รก ฝนหยอดตา แก้ตาซาง ตาแฉะตามัว

นอกจากฟ้าทะลายโจร ใบพาโหมแล้วยังมีสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งคือ "กำแพง 7 ชั้น" หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "หลุมนก" เป็นเถาว์วัลย์ขนาดใหญ่ที่ชอบขึ้นในป่าเขตร้อนชื้น หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาต้มกับน้ำมีสรพคุณแก้อาการร้อนใน และรักษาอาการป่วยเพศเลือด หรือที่เรียกว่า "ไข้ทับฤดู และฤดูทับไข้"ของสตรี เชื่อว่ามีสรรพคุณสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/22927