ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ก.ค.) นพ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่า มี อาจารย์แพทย์ที่จ.เชียงใหม่ ท่านหนึ่งเสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า เป็นความจริง โดย นพ.ท่านนี้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่วนรายละเอียดนั้นคงต้องรอให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ให้รายละเอียด อย่างไรก็ตามศพของแพทย์ท่านนี้ได้มีการสวดอภิธรรมที่วัดพระสิงห์วรวิหาร โดยทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นเจ้าภาพในวันที่ 30 ก.ค.
ทั้งนี้จากการสอบสวนโรคทราบว่า แพทย์ท่านนี้มีโรคประจำตัวอยู่แล้วเช่น โรคหัวใจ โรคไต เมื่อติดเชื้อทำให้ลามไปสู่ปอด ก่อนเสียชีวิตด้วยวัย 57 ปี ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ หรือ โรงพยาบาลสวนดอก ส่วนการติดเชื้อนั้นคาดว่าติดจากโรงพยาบาล.
ที่มา: http://dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=38&contentID=11167
ลิงค์ผู้สนับสนุน
วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ความรู้โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009แก่เด็กนักเรียน หลังพบนักเรียนสัมผัสเชื้อหวัด
สาธารณสุขสะเดา จ.สงขลา ตรวจคัดกรองและให้ความรู้นักเรียนหน้าเสาธง หลังพบนักเรียนสัมผัสเชื้อหวัดใหม่ 2 ราย ขณะพบผู้ติดเชื้อในอำเภอสะเดาแล้ว 17 ราย ...
วันนี้ (30 ก.ค.) เวลา 08.30 น.เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยนายธนพันธ์ จรสุวรรณ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ นางอุไร ใบตาเย็น นักวิชาการสาธารณสุข พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ออกรณรงค์การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนหน้าเสาธง เรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ณ โรงเรียนสะเดาขรรค์ชัย ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของอำเภอสะเดาและมีนักเรียนจำนวน มากกว่า 2,000 คน หลังพบมีนักเรียนสัมผัสเชื้อ แล้วจำนวน 2 คน เป็นนักเรียน ชั้น ม.4 และ ม.5 ได้แยกตัวและส่งตัวไปรักษาและเฝ้าดูอาการแล้วที่ รพ.ในอำเภอหาดใหญ่แล้ว ทำให้บรรดาเด็กนักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีโอกาสที่ที่อาจจะติดเชื้อและก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ง่าย ถ้าไม่ได้รับการแนะนำให้ความรู้ในการป้องกันอย่างถูกวิธี ส่วนนักเรียนที่มีอาการน่าสงสัย และเข้าข่ายในกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อนั้น ทางโรงเรียนได้ให้หยุดเรียนเพื่อรักษาตัวแล้ว โดยในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในอำเภอสะเดาแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 ราย
เบื้อง ต้นเจ้าหน้าที่ได้สาธิตการล้างมือใน 6 ขั้นตอนอย่างถูกวิธี และการสาธิตการสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ให้กินอาหารของร้อนใช้ช้อนกลาง ให้ความรู้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพของเด็กนักเรียน เน้นการล้างมือและการใช้หน้ากากอนามัย แจกหน้ากากอนามัยเด็กนักเรียนให้สวมใส่
หลังจากนั้นได้เข้าไปให้ความ รู้กับบรรดาพ่อค้า และแม่ค้าที่ขายอาหารให้กับเด็กนักเรียนภายในโรงอาหารของโรงเรียน ให้สวมหมวก และสวมใส่หน้ากากอานามัย ล้างมืออย่างถูกวิธี และเรื่องการรักษาความสะอาด โต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ล้างภาชนะต่างๆ เช่น แก้ว ถ้วย จาน ชาม ช้อน ให้สะอาดทั้งหมด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ 2009
โดย ทางสำนักงานสาธารณสุขสะเดา จะออกรณรงค์ไปตามหน่วยงาน และโรงงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะตามสถานประกอบการ สถานบันเทิง ในแหล่งท่องเที่ยว ในเขตพื้นที่ของอำเภอสะเดาให้ครอบคลุมทั้งหมด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/23018
วันนี้ (30 ก.ค.) เวลา 08.30 น.เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา โดยนายธนพันธ์ จรสุวรรณ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ นางอุไร ใบตาเย็น นักวิชาการสาธารณสุข พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ออกรณรงค์การป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนหน้าเสาธง เรื่องโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ณ โรงเรียนสะเดาขรรค์ชัย ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของอำเภอสะเดาและมีนักเรียนจำนวน มากกว่า 2,000 คน หลังพบมีนักเรียนสัมผัสเชื้อ แล้วจำนวน 2 คน เป็นนักเรียน ชั้น ม.4 และ ม.5 ได้แยกตัวและส่งตัวไปรักษาและเฝ้าดูอาการแล้วที่ รพ.ในอำเภอหาดใหญ่แล้ว ทำให้บรรดาเด็กนักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง มีโอกาสที่ที่อาจจะติดเชื้อและก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้ง่าย ถ้าไม่ได้รับการแนะนำให้ความรู้ในการป้องกันอย่างถูกวิธี ส่วนนักเรียนที่มีอาการน่าสงสัย และเข้าข่ายในกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อนั้น ทางโรงเรียนได้ให้หยุดเรียนเพื่อรักษาตัวแล้ว โดยในขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในอำเภอสะเดาแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 ราย
เบื้อง ต้นเจ้าหน้าที่ได้สาธิตการล้างมือใน 6 ขั้นตอนอย่างถูกวิธี และการสาธิตการสวมใส่หน้ากากอนามัยอย่างถูกต้อง ให้กินอาหารของร้อนใช้ช้อนกลาง ให้ความรู้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพของเด็กนักเรียน เน้นการล้างมือและการใช้หน้ากากอนามัย แจกหน้ากากอนามัยเด็กนักเรียนให้สวมใส่
หลังจากนั้นได้เข้าไปให้ความ รู้กับบรรดาพ่อค้า และแม่ค้าที่ขายอาหารให้กับเด็กนักเรียนภายในโรงอาหารของโรงเรียน ให้สวมหมวก และสวมใส่หน้ากากอานามัย ล้างมืออย่างถูกวิธี และเรื่องการรักษาความสะอาด โต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ล้างภาชนะต่างๆ เช่น แก้ว ถ้วย จาน ชาม ช้อน ให้สะอาดทั้งหมด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ 2009
โดย ทางสำนักงานสาธารณสุขสะเดา จะออกรณรงค์ไปตามหน่วยงาน และโรงงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะตามสถานประกอบการ สถานบันเทิง ในแหล่งท่องเที่ยว ในเขตพื้นที่ของอำเภอสะเดาให้ครอบคลุมทั้งหมด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/23018
ป้ายกำกับ:
ไข้หวัด2009,
ความรู้,
ป้องกัน,
ล้างมือ,
ไวรัส2009,
สงขลา,
สาธิต,
ใส่หน้ากาก,
หวัด09
แห่กินสมุนไพรป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยเฉพาะใบพาโหม แถมฟ้าทะลายโจรราคาพุ่ง
เผยฟ้าทะลายโจร ในกทม.ขาดตลาดอย่างหนัก เมืองคอนขาย ก.ก.ละ 120-150 บาท ปัจจุบันขายก.ก.ละ 1,000 บาทขึ้นไป ทำให้หันมาใช้ใบ"ตูดหมูตูดหมา" หรือใบกระพังโหม ที่ คนปักษ์ใต้มักเรียกว่า"ใบพาโหม"
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (29 ก.ค.) ว่า ภายหลังประชาชนตื่นตัวในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แห่เสาะหาสมุนไพรไทยโดยเฉพาะ "ฟ้าทะลายโจร”" มาบริโภคกันอย่างกว้างขวาง แม้ฟ้าทะลายโจรจะมีรสขมเป็นอย่างมากก็ตาม เมื่อกระทรวงสาธารณสุขออกมาระบุว่าการป้องกันการติดเชื้อหวัดมรณะที่ดี ที่สุดคือการทำให้สร้างกายมีสุขภาพแข็งแรง บริโภคอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสมุนไพรไทยมีมีสรรพคุณแก้ไข้หวัด ลดไข้ แก้ไอ ทำให้ประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชแห่เสาะหาสมุนไพรไทยหลายชนิดมาบริโภคกัน ในครัวเรือน และพกพาติดตัวไปบริโภคนอกบ้านตามสะดวก แม้แต่ตามร้านขายน้ำชา กาแฟริมถนนในตอนกลางคืนหลายร้านก็นำเอาสมุนไพรไทยมาไว้บริการลูกค้าด้วย
นอกจากฟ้าทะลายโจรแล้วสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเช่นกัน อาทิ พืชกระท่อม ขิง ข่า กระชาย พริกไทยดำ แต่ที่ได้รับความนิยมมากในลำดับต้น ๆ คือ ใบ"ตูดหมูตูดหมา" หรือใบกระพังโหม แต่ในจ.นครศรีธรรมราชและคนปักษ์ใต้มักเรียกว่า"ใบพาโหม" ปกติคนปักษ์มักจะใช้ใบพาโหมมาทำเป็นผักเหนาะ หรือหั่นเป็นฝอยผสมกับส่วนผสมของข้าวยำเป็นไม้เถาเนื้ออ่อนเลื้อยเกี่ยวพัน กับใบอื่น เถาว์จะอยู่รวมกันเป็นพุ่ม พาโหมเถาว์มี 2 ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันไป ลักษณะใบ ชนิดใบเรียวแหลม ข้อใบจะห่างกัน ใบแตกออกมาเป็นคู่เรียก "ตูดหมู" ชนิดใบกว้างรี ปลายแหลมใบแตกออกมาเป็นคู่ แต่ใบจะบางกว่าชนิดแรก ข้อใบแต่ละคู่อยู่ชนิดกัน เรียก "ตูดหมา" แต่มักจะเรียกรวม ๆ กันว่า "ตูดหมูตูดหมา" ส่วนดอกมีสีม่วงอมขาว มีขนาดเล็ก เป็นพวงออกจากโคนใบ ลักษณะผลเป็นช่อขนาดเท่าเมล็ดพริกไทย ออกจากช่อดอกที่ร่วงโรยไปแล้วยอด ส่วนที่ใช้เป็นอาหาร คือส่วน ยอดใบอ่อน ผล ดอก และมีรสชาติขมเจือมัน กลิ่นฉุน
นายสุชาติ สุขเกษม แพทย์แผนไทยที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในนาม"หมอชิต" เจ้าของร้านสุชาติสมุนไพร เป็นร้านจำหน่ายยาสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีร้านอยู่ 2 สาขา คือสาขาตลาดแม่สมจิตต์ ถนนยมราช และสาขาตลาดแขก ถนนกะโรม กล่าวว่า ประชาชนหันมาบริโภคสมุนไพรไทยหลายชนิดอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะที่นิยมมากที่สุดคือฟ้าทะลายโจร ทราบว่าในกรุงเทพมหานคร กำลังต้องการและขาดตลาดอย่างหนัก สำหรับที่ร้านของตนทั้ง 2 สาขา เมื่อก่อนขายราคา กิโลกรัมละ 120-150 บาท ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาขายหมดไปนับพันกิโลกรัม รวมทั้งที่บดเป็นผง หรือที่อัดเม็ด บรรจุแคปซูล ก็ขายดีมาก จนสินค้าที่ซื้อเก็บไว้ในร้านหมดไปอย่างรวดเร็ว
"เพิ่งมาทราบว่าร้านอื่น ๆ ขายกัน กิโลกรัมละ 1,000 บาทขึ้นไป เมื่อไปหาซื้อมาไว้ในร้านก็ค่อนข้างหายากและมีราคาสูงขึ้น หลายร้านที่ติดตามสถานการณ์หวัด 2009 ไม่ยอมขายโดยกักตุนไว้ขายในราคาสูง จึงต้องตระเวนออกรับซื้อฟ้าทะลายโจรสด ๆ จากชาวบ้านในชนบทห่างไกล สมุนไพรไทยชนิดอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มได้รับความนิยมและขายดีกว่าเดิมหมายเท่าตัว เช่น ใบพาโหม กระชายดำ ขิง ข่า"นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ใบพาโหม หรือตูดหมูตูดหมา เป็นสมุนไพรไทยสู้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อีกชนิดหนึ่ง กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้มีสรรพคุณ คือใช้เถาว์และใบมาตำคั้นเอาน้ำกิน ช่วยขับลมในท้อง แก้จุกเสียด ทั้งต้นแก้ตานร่วง ใบแก้พิษงู แก้ปวดฟัน แก้รำมะนาด รก ฝนหยอดตา แก้ตาซาง ตาแฉะตามัว
นอกจากฟ้าทะลายโจร ใบพาโหมแล้วยังมีสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งคือ "กำแพง 7 ชั้น" หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "หลุมนก" เป็นเถาว์วัลย์ขนาดใหญ่ที่ชอบขึ้นในป่าเขตร้อนชื้น หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาต้มกับน้ำมีสรพคุณแก้อาการร้อนใน และรักษาอาการป่วยเพศเลือด หรือที่เรียกว่า "ไข้ทับฤดู และฤดูทับไข้"ของสตรี เชื่อว่ามีสรรพคุณสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/22927
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (29 ก.ค.) ว่า ภายหลังประชาชนตื่นตัวในการป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แห่เสาะหาสมุนไพรไทยโดยเฉพาะ "ฟ้าทะลายโจร”" มาบริโภคกันอย่างกว้างขวาง แม้ฟ้าทะลายโจรจะมีรสขมเป็นอย่างมากก็ตาม เมื่อกระทรวงสาธารณสุขออกมาระบุว่าการป้องกันการติดเชื้อหวัดมรณะที่ดี ที่สุดคือการทำให้สร้างกายมีสุขภาพแข็งแรง บริโภคอาหารที่มีประโยชน์โดยเฉพาะสมุนไพรไทยมีมีสรรพคุณแก้ไข้หวัด ลดไข้ แก้ไอ ทำให้ประชาชนในจังหวัดนครศรีธรรมราชแห่เสาะหาสมุนไพรไทยหลายชนิดมาบริโภคกัน ในครัวเรือน และพกพาติดตัวไปบริโภคนอกบ้านตามสะดวก แม้แต่ตามร้านขายน้ำชา กาแฟริมถนนในตอนกลางคืนหลายร้านก็นำเอาสมุนไพรไทยมาไว้บริการลูกค้าด้วย
นอกจากฟ้าทะลายโจรแล้วสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ก็ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเช่นกัน อาทิ พืชกระท่อม ขิง ข่า กระชาย พริกไทยดำ แต่ที่ได้รับความนิยมมากในลำดับต้น ๆ คือ ใบ"ตูดหมูตูดหมา" หรือใบกระพังโหม แต่ในจ.นครศรีธรรมราชและคนปักษ์ใต้มักเรียกว่า"ใบพาโหม" ปกติคนปักษ์มักจะใช้ใบพาโหมมาทำเป็นผักเหนาะ หรือหั่นเป็นฝอยผสมกับส่วนผสมของข้าวยำเป็นไม้เถาเนื้ออ่อนเลื้อยเกี่ยวพัน กับใบอื่น เถาว์จะอยู่รวมกันเป็นพุ่ม พาโหมเถาว์มี 2 ชนิด แต่ละชนิดแตกต่างกันไป ลักษณะใบ ชนิดใบเรียวแหลม ข้อใบจะห่างกัน ใบแตกออกมาเป็นคู่เรียก "ตูดหมู" ชนิดใบกว้างรี ปลายแหลมใบแตกออกมาเป็นคู่ แต่ใบจะบางกว่าชนิดแรก ข้อใบแต่ละคู่อยู่ชนิดกัน เรียก "ตูดหมา" แต่มักจะเรียกรวม ๆ กันว่า "ตูดหมูตูดหมา" ส่วนดอกมีสีม่วงอมขาว มีขนาดเล็ก เป็นพวงออกจากโคนใบ ลักษณะผลเป็นช่อขนาดเท่าเมล็ดพริกไทย ออกจากช่อดอกที่ร่วงโรยไปแล้วยอด ส่วนที่ใช้เป็นอาหาร คือส่วน ยอดใบอ่อน ผล ดอก และมีรสชาติขมเจือมัน กลิ่นฉุน
นายสุชาติ สุขเกษม แพทย์แผนไทยที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในนาม"หมอชิต" เจ้าของร้านสุชาติสมุนไพร เป็นร้านจำหน่ายยาสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในตัวเมืองนครศรีธรรมราช มีร้านอยู่ 2 สาขา คือสาขาตลาดแม่สมจิตต์ ถนนยมราช และสาขาตลาดแขก ถนนกะโรม กล่าวว่า ประชาชนหันมาบริโภคสมุนไพรไทยหลายชนิดอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะที่นิยมมากที่สุดคือฟ้าทะลายโจร ทราบว่าในกรุงเทพมหานคร กำลังต้องการและขาดตลาดอย่างหนัก สำหรับที่ร้านของตนทั้ง 2 สาขา เมื่อก่อนขายราคา กิโลกรัมละ 120-150 บาท ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาขายหมดไปนับพันกิโลกรัม รวมทั้งที่บดเป็นผง หรือที่อัดเม็ด บรรจุแคปซูล ก็ขายดีมาก จนสินค้าที่ซื้อเก็บไว้ในร้านหมดไปอย่างรวดเร็ว
"เพิ่งมาทราบว่าร้านอื่น ๆ ขายกัน กิโลกรัมละ 1,000 บาทขึ้นไป เมื่อไปหาซื้อมาไว้ในร้านก็ค่อนข้างหายากและมีราคาสูงขึ้น หลายร้านที่ติดตามสถานการณ์หวัด 2009 ไม่ยอมขายโดยกักตุนไว้ขายในราคาสูง จึงต้องตระเวนออกรับซื้อฟ้าทะลายโจรสด ๆ จากชาวบ้านในชนบทห่างไกล สมุนไพรไทยชนิดอื่น ๆ ก็มีแนวโน้มได้รับความนิยมและขายดีกว่าเดิมหมายเท่าตัว เช่น ใบพาโหม กระชายดำ ขิง ข่า"นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ใบพาโหม หรือตูดหมูตูดหมา เป็นสมุนไพรไทยสู้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 อีกชนิดหนึ่ง กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้มีสรรพคุณ คือใช้เถาว์และใบมาตำคั้นเอาน้ำกิน ช่วยขับลมในท้อง แก้จุกเสียด ทั้งต้นแก้ตานร่วง ใบแก้พิษงู แก้ปวดฟัน แก้รำมะนาด รก ฝนหยอดตา แก้ตาซาง ตาแฉะตามัว
นอกจากฟ้าทะลายโจร ใบพาโหมแล้วยังมีสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งคือ "กำแพง 7 ชั้น" หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "หลุมนก" เป็นเถาว์วัลย์ขนาดใหญ่ที่ชอบขึ้นในป่าเขตร้อนชื้น หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นำมาต้มกับน้ำมีสรพคุณแก้อาการร้อนใน และรักษาอาการป่วยเพศเลือด หรือที่เรียกว่า "ไข้ทับฤดู และฤดูทับไข้"ของสตรี เชื่อว่ามีสรรพคุณสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/22927
ป้ายกำกับ:
ไข้หวัดใหญ่ 2009,
ตูดหมา,
ตูดหมูตูดหมา,
ใบพาโหม,
ป้องกัน,
ฟ้าทะลายโจร,
สมุนไพร
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)