ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หญิงตั้งครรภ์ชาวราชบุรีที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เสียชีวิตแล้ว

คมชัดลึก : "มานิต" แจ้งหญิงตั้งครรภ์ชาวราชบุรี มารักษาตัวที่ รพ.จุฬา เสียชีวิตแล้ว หมอใหญ่เผยหญิงวัย 16 ปีแท้งลูกที่โคราชไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ หญิงตั้งครรภ์ผวาติดหวัดแห่ตรวจสุขภาพ

เมื่อเวลา 19.20 น.วันที่ 31 ก.ค.นายมานิต นพอมรบดี รมช.สธ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากนายจินดา เปียถนอม อายุ 36 ปีสามีผู้ติดเชื้อไข้หวัด 2009 ซึ่งเป็นหญิงตั้งครรภ์ผ่าคลอดและทารกติดเชื้อจากแม่ ได้เสียชีวิตแล้วที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ โดยนายจินดาได้รับแจ้งการเสียชีวิตจากรพ.จุฬาลงกรณ์ และไม่อนุญาตให้ผ่าศพพิสูจน์อีกครั้งเนื่องจากสงสารภรรยา

ด้านศ.นพ.อดิศร ภัทราดูลย์ ผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า หญิงที่คลอดลูกวัย 26 ปีที่ติดเชื้อไข้หวัด 2009 ซึ่งถูกส่งตัวมาจากรพ.ราชบุรีเข้ามารักษาตัวที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 16.00 น. ด้วยภาวะปอดถูกทำลาย หลังจากส่งเข้ามารับการรักษาที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ ได้ 1 สัปดาห์ ขณะนี้คณะแพทย์ จุฬาฯ ได้พยายามเจรจากับญาติผู้เสียชีวิต เพื่อขอผ่าพิสูจน์ศึกษารอยโรคเป็นวิทยาทานให้แก่วงการแพทย์ไทย

นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีหญิงอายุ 16 ปีตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนและแท้งหลังมีไข้ ที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา ว่า ได้รับรายงานผลการตรวจยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธีพีซีอาร์ 2 ครั้ง พบไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หญิงรายดังกล่าว มาด้วยอาการไข้ ไอ หอบ ส่งตัวมาจากโรงพยาบาลด่านขุนทด จ.นครราชสีมาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2552 ถึงโรงพยาบาลมหาราช แพทย์ตรวจพบปอดอักเสบทั้ง 2 ข้าง ใส่เครื่องช่วยหายใจ รับตัวไว้รักษาในห้องไอซียู เริ่มให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์และยาปฏิชีวนะในวันเดียวกัน ต่อมาวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 เวลาประมาณ 06.00 น. ได้แท้งลูก อาการล่าสุดวันนี้ยังมีไข้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นปอดอักเสบ ซึ่งมีสาเหตุได้ทั้งจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส

นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สถานพยาบาลทั่วประเทศปรับยุทธศาสตร์ในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ โดยให้ อสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสถานีอนามัย ออกเยี่ยมหญิงตั้งครรภ์ที่บ้าน พร้อมให้การดูแลและคำแนะนำการปฏิบัติตัว โดยขอให้หลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมผู้ป่วยอื่น ๆ ในโรงพยาบาล หากมีผู้ป่วยไข้หวัดอยู่ ในบ้าน ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย และหากมีอาการป่วยอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้คือ มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยร่างกาย ท้องเสีย อาเจียน ขอให้รีบไปโรงพยาบาลทันที ไม่ต้องรอดูอาการหรือซื้อยากินเอง เพราะการพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาและรับยาต้านไวรัสเร็ว จะเป็นผลดีต่อทั้งแม่และเด็ก โดยผลการศึกษาทั่วโลก ยืนยันตรงกันว่ายาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์มีความปลอดภัย ไม่มีผลเสียต่อเด็กในครรภ์ และทำให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปได้จนถึงคลอด

หญิงตั้งครรภ์ผวาติดหวัดแห่ตรวจสุขภาพ

ที่ โรงพยาบาลค่ายสุรนารี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นคราชสีมา พบว่า หญิงตั้งครรภ์ต่างพากันมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตั้งใจที่จะเข้ามาตรวจเพื่อความสบายใจ

นางวิภารัตน์ สุวรรณไตร อายุ 26 ปี ประชาชนในเขตเทศบาลนครนคราชสีมา หนึ่งในหญิงตั้งครรภ์ที่เดินทางมาตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลค่ายสุรนารี กล่าวว่า ข่าวหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ในจังหวัดนคราชสีมา ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 และมีอาการหนักจนถึงขั้นที่ต้องแท้งลูก ทำให้หวาดกลัว จึงต้องเดินทางมาตรวจสุขภาพ เพราะกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์

ขณะเดียวกันความตื่นตะหนกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ยังทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในส่วนของบุคคลกลุ่มเสี่ยง เด็ก คนชรา ผู้ที่มีโรคประจำตัว จนถึงหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งล่าสุดในวันนี้ ( 31 ก.ค.52 ) โรงเรียนอนุบาลนครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดนครราชสีมา เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6 นายทอง วิริยะจารุ ผู้อำนวยการโรงเรียน ต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนเป็นเวลา 1 อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.5ไปจนถึงวันที่ 6 ส.ค. เพื่อทำความสะอาดตัวอาคารและสถานที่ต่างๆทั่วบริเวณโรงเรียน

หลังจากที่พบว่ามีนักเรียนมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด และต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆทั่วเขตเทศบาลนครนคราชสีมา จำนวนเกือบ 20 ราย ซึ่งล่าสุดทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายทอง วิริยะจารุ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลนครนครราชสีมา และได้รับคำตอบว่าการปิดเรียนครั้งนี้เป็นการป้องกันการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่อาจจะเกิดขึ้นภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นศูนย์รวมเด็กเล็กที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และยอมรับว่ามีนักเรียนของโรงเรียนมีอาการป่วยเป็นไข้หวัดกว่า 10 ราย และขณะนี้นักเรียนกลุ่มดังกล่าวได้กระจายไปรักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วเขตเทศบาลนครนคราชสีมา แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีการรายงานว่ามีเด็กนักเรียนของโรงเรียนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แต่อย่างใด

โวยรพ.ปิดข้อมูลลูกตายสงสัยติดหวัด

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีผู้ป่วยต้องสงสัยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เข้ารับการรักษาตัวที่ห้องแยกโรงพยาบาลตรัง เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ได้เสียชีวิตลงแล้ว และทางญาติได้นำศพกลับมาจัดการตามประเพณีที่บ้านเลขที่ 206/1 ถ.พาดรถไฟสายตรัง-กันตัง ซ.6 เขตเทศบาลนครตรัง หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงก็พบว่า ทางญาติของผู้เสียชีวิตได้นำศพของผู้เสียชีวิตซึ่งมีรูปร่างอ้วนน้ำหนักมาก ถึง 135 กก.มาอาบน้ำศพจัดการตามหลักประเพณีของศาสนาอิสลาม โดยมีเพียงญาติพี่น้องที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาร่วม ประมาณ 20 คน ท่ามกลางความคลางแคลงใจสงสัยของบรรดาญาติพี่น้องและชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ตาย

ทั้งนี้จากการสอบถาม นายสหัส เวชกุล บิดาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิต คือ น.ส.อริยา เวชกุล อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของตนเอง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเย็นวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้ตายได้ขับขี่ รถจยย.จนเกิดอุบัติเหตุล้มจนได้รับบาดเจ็บ และเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน โดยแพทย์ได้ทำการตรวจรักษาแล้วพบว่ามีอาการบาดเจ็บไม่มาก แต่ขณะเดียวกันก็ตรวจพบว่า ลูกสาวตนมีอาการไอและเจ็บคอ จึงได้ให้ยาแก้ไอกลับมารับประทานที่บ้าน พร้อมกับแนะนำให้ไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลตรัง

ต่อมาตนก็ได้นำลูกสาวไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลตรัง โดยแพทย์ได้ทำการตรวจเบื้องต้นแล้ว ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร และอนุญาตให้กลับบ้าน แต่เมื่อพอกลับมาถึงบ้านลูกสาวก็มีอาการไอเป็นเลือดและมีเสลด รุ่งเช้าจึงพาลุกสาวกลับไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใหม่อีกครั้ง ซึ่งแพทย์ได้ตรวจอาการแล้วบอกว่า เป็นอาการของเส้นเลือดฝอยในคอแตก ก็ได้ให้ยามารับประทาน และอนุญาตให้กลับบ้านได้

กระทั่งลูกสาวมีอาการไอ และหอบ ทางตนกับภรรยาก็ไม่กล้าพากลับไปหาแพทย์ที่ รพ.อีกรอบ เพราะกลัวจะถูกดุ จึงได้ไปหาซื้อยาแก้หอบมาฉีดพ่นให้ลุกสาวแทน แต่อาการกลับทรุดลงอย่างหนักลูกสาวมีอาการไอมากเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ทางตนจึงตัดสินใจนำลูกสาวส่ง รพ.เมื่อไปถึงแพทย์ก็ได้ให้นอนพักดูอาการที่ห้องรวม และเห็นมีอาการไอมาก ก็แยกห้องพาเข้ารักษาตัวที่ห้องแยก ซึ่งอยู่ชั้น 4 ของตึกอุบัติเหตุ

หลังจากนั้นอาการก็ยังไม่ดีขึ้น แพทย์เลยตัดสินใจพาเข้าห้องไอซียู และทำการรักษาโดยไม่ได้ให้ญาติมีส่วนร่วมตัดสินใจในการรักษา อีกทั้งเมื่อทางญาติขอดูฟิลม์เอ๊กซเรย์ก็ไม่ให้ดู กระทั่งต่อมาลูกสาวตนหยุดหายใจ ทางทีมแพทย์ก็ได้ออกมาบอกว่า ไม่สามารถปั๊มหัวใจช่วยชีวิตลูกสาวตนไว้ได้ หลังจากนั้นก็อนุญาตให้ญาติที่มาเยี่ยมเข้าไปดูลูกสาวได้ แต่ให้ทุกคนสวมใส่หน้ากากอนามัยด้วย

บิดาของ น.ส.อริยา กล่าวว่า หลังจากลูกสาวตนเสียชีวิตแล้ว ดูเหมือนว่าทางแพทย์พยายามจะปกปิดข้อมูล โดยมี นพ.คนหนึ่งได้บอกกับตนว่า ผลการตรวจของลูกสาวตนไม่ได้เสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ แต่เป็นเพราะอาการป่วยจากโรคเกล็ดเลือดต่ำที่ผู้ตายเข้าออกรักษาตัวที่ รพ.ตรังมานาน จึงทำให้ขณะนี้ทั้งตน ญาติและเพื่อนบ้าน มีความรู้สึกคลางแคลงใจ และเชื่อว่าทางทีมแพทย์ต้องปกปิดข้อมูลที่แท้จริง ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้ทางทีมแพทย์ รพ.ตรัง และผู้เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูกสาว เพราะถ้าหากลูกสาวป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ จริง ทางครอบครัวและเพื่อนบ้านจะได้สามารถหาทางระวังป้องกันได้อย่างทันท่วงที สำหรับลูกสาวนั้นที่ผ่านมา ป่วยเป็นโรคเกล็ดเลือดต่ำต้องเข้าออก รพ.ตรัง เป็นประจำ แต่ไม่มีโรคประจำ เช่น เบาหวานหรือหัวใจแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เพื่อนบ้านที่อยู่ในละแวกเดียวกับครอบครัวของ น.ส.อริยา ก็ได้สวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันตัวเองแล้ว เพราะเกรงการระบาด และต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุการตายของ น.ส.อริยาอย่างกว้างขวาง

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ปชป.ให้สัมภาษณ์ที่บ้านพัก จ.ตรัง กล่าวว่า ในส่วนของ จ.ตรัง ตนยังไม่ทราบข้อมูลว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่ที่ผ่านมาก็ได้มีการพูดคุยถึงนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ที่หน่วยงานที่เกี่ยวดำเนินการอยู่ดีอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกำชับเรื่องการให้ความรู้กับประชาชนอย่างทั่วถึง เพราะไม่มีทางเป็นไปได้ว่าหมอจะไปตรวจคนทั้ง 64 ล้านคนได้หมด

เพราะฉะนั้นภูมิคุ้มกันและยาที่ดีที่สุด ก็คือ การให้ความรู้ในการป้องกันตัว เพราะฉะนั้นแนวทางที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินตามนโยบายของกระทรวงทำถูก ต้องดีอยู่แล้ว เพียงแต่ยังมีประชาชนอีกส่วนที่ไม่มีเวลาติดตามข้อมูลข่าวสารทางสื่อได้ตลอด ดังนั้นตนได้ฝากไปถึง รมต.สาธารณสุขอย่าเบื่อที่จะเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทุกวัน จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ส่วนใน จ.ตรัง ที่ผ่านมายังไม่มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวก็ตาม แต่ก็ได้กำชับไปยัง นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ ผวจ.ตรัง ถึงมาตรการป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยในช่วงที่มีการระบาดให้รีบเร่งทำความสะอาดสถานที่ต่างๆ อย่ารอให้มีผู้เสียชีวิตก่อนถึงจะทำความสะอาด เป็นการป้องกันการระบาดได้อีกทางหนึ่ง ประกอบกับในช่วงระหว่างวันที่ 9-19 ก.ย.จ.ตรัง จะเป็นเจ้าภาพในการจัดแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 38 ตรังเกมส์ จะต้องสร้างความมั่นใจให้ทุกฝ่าย

แต่อย่างไรก็ตามยังฝากถึงประชาชนอย่าตื่นตระหนกตกใจกับข่าวโรคไข้หวัดใหญ่ มากนัก เพราะไม่ได้เป็นโรคที่ตายในทันที แต่ขณะเดียวก็อย่าประมาท และเมื่อมีวิธีป้องกันแล้ว พยายามเอาใจใส่ดูตัวเองให้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยเรื้อรัง ที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันไม่ดี ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตด้วยโรคแทรกซ้อน

ส่วนกรณีของ น.ส.อริยา ที่ทางญาติสงสัยว่าโรงพยาบาลจะปกปิดสาเหตุการเสียชีวิต นั้น ตนเชื่อว่า ทางโรงพยาบาลคงไม่มีเหตุผลอื่นใดที่จะปกปิดข้อมูล เพราะถ้าปิดข้อมูลจริงทางโรงพยาบาลก็จะมีปัญหาในภายหลังเอง ดังนั้นทางญาติพี่น้องควรจะให้เวลากับทางแพทย์ได้ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิต ให้นัดอีกครั้งหนึ่ง อย่าเพิ่งรีบด่วนสรุป เพราะจะเกิดปัญหาในภายหลัง

เมื่อถามว่าเป็นห่วงการจัดแข่งขันกีฬาแห่งชาติหรือไม่ ว่าจะส่งผลกระทบให้เพิ่มยอดผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น นายชวน กล่าวว่า ตนคิดว่า ในแต่ละจังหวัดคง มีการตรวจสุขภาพร่างกายของนักกีฬามาอย่างดีและมีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ในส่วนของการเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคไข้หวัดใหญ่ใน จ.ตรัง นั้น ไม่น่าเป็นห่วง เพราะยังมีเวลารณรงค์ทำความสะอาดสถานที่ราชการได้ทัน ซึ่งจะทำให้การระบาดลดน้อยลง

ส่วนการแข่งขันกีฬาแห่งชาติครั้งนี้ จะเลื่อนหรือไม่นั้น แล้วแต่ทางจังหวัด ตนคงไปตอบแทนไม่ได้ แต่สำหรับตนคิดว่าคงจะไม่เลื่อน เพราะเชือว่าหากเลื่อนก็อาจกระทบหลายอย่าง อีกทั้งทางจังหวัดมี การเตรียมความพร้อมทุกอย่างไว้แล้ว รวมทั้งมาตรการป้องกันที่เข้มงวด ดังนั้นยังเหลือเวลาไม่มากใกล้จะถึงการแข่งขัน แต่ตนก็มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20090731/22628/%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%9E.%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7.html

กรมการแพทย์เผยผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 6 แสนคน ด้านสธ.เปิดห้องปฏิบัติการ "ผ่าศพ"

สธ. เปิดห้องปฏิบัติการ “ผ่าศพ” เก็บข้อมูลพยาธิสภาพของผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อวิจัยค้นหาแนวทางการรักษาที่ดีที่สุด เผยเป็นโอกาสที่จะได้ศึกษาทางการแพทย์และวางมาตรการรับมือการระบาดระลอก 2 ในเดือนส.ค.นี้

วันนี้ (27 ก.ค.) นพ.เรวัติ วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขยายวงการระบาดไปทั่วประเทศ ในขณะนี้ คาดว่าประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อโรคนี้จริงๆมากกว่า 5- 6 แสนคน กรมการแพทย์ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการให้การรักษาผู้ป่วย เพราะมีสถานพยาบาลระดับตติยภูมิและศูนย์การแพทย์ในสังกัดหลายแห่ง โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลราชวิถี มีผู้ป่วยมารับการรักษาในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก เฉลี่ยเฉพาะผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มารักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกวันละ 300 – 400 ราย หรือ ที่สถาบันสุชขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี มีผู้ป่วยมารับการรักษามากขึ้นจนต้องเปิดคลินิกพิเศษให้บริการจนถึงเที่ยง คืนทุกวันราชการ การที่มีผู้ป่วยมารักษาเป็นจำนวนมาก ส่วนหนึ่งแม้จะทำให้แพทย์และพยาบาลมีภาระงานเพิ่มขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งในฐานะหน่วยงานที่ต้องวิจัยและพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้าใน ทางการแพทย์ การมีขนาดตัวอย่างของผู้ป่วยจำนวนมาก ทำให้สามารถที่จะสุ่มตรวจและเก็บข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์ในการวางแนวทางการ รักษาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตลงได้

อธิบดี กรมการแพทย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ รวมทั้ง ขอความร่วมมือโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เก็บข้อมูลประวัติการรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ยืนยันผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วทุกรายอย่างละเอียด เพื่อจะนำมาเป็นข้อมูลในการวิจัยทางคลินิก ถึงพยาธิสภาพของโรคที่เกิดขึ้นกับระบบต่างๆของร่างกาย เพราะที่ผ่านมา ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ชนิดเอ เอช 1/เอ็น 1 แม้จะมีอาการทั่วไปเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในบางราย โดยเฉพาะภาวะความรุนแรงที่เกิดกับปอด เช่น ปอดบวม ปอดอักเสบ หรือแม้แต่ในกลุ่มที่อาจจะไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง คือ ไม่ใช่คนอ้วน ไม่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ แต่กลับมีอาการรุนแรง แพทย์อาจจะต้องพยายามค้นหาสาเหตุ ปัจจัยเหล่านี้ แม้จะเป็นเพียงผู้ป่วยส่วนน้อยมากก็ตาม

นพ.เรวัติ กล่าวด้วยว่า อีกส่วนหนึ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ คือ การขันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยสถาบันพยาธิวิทยา มีห้องปฏิบัติการผ่าชันสูตรศพที่สามารถชันสูตรศพโรคติดเชื้อได้เพียง แห่งเดียวในประเทศไทยขณะนี้ โดยได้ทำการชันสูตรศพอย่างละเอียดไปแล้ว 2 ราย เท่าที่ญาติผู้เสียชีวิตยินยอม ทำให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงของไวรัสที่ส่งผลต่อการทำงานของ อวัยวะในระบบต่างๆ โดยเฉพาะความรุนแรงต่อระบบการหายใจทั้งระบบ ที่จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อวงการแพทย์และการรักษาโรคนี้ต่อไป

" ห้องปฏิบัติการชันสูตรศพของสถาบันพยาธิวิทยาเป็นห้องปฏิบัติการที่ได้ มาตรฐาน สามารถแบ่งความดันลบหรือที่เรียกว่า Negative Pressure ได้ถึง 3 ระดับ มีมาตรการป้องกันตั้งแต่การลำเลียงศพเข้า –ออก ที่มีการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคอย่างเข้มข้น โดยออกแบบระบบปรับอากาศและระบายอากาศ แบบ 100% เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้ปฏิบัติงาน มีการเติมอากาศ และ กรองอากาศ รวมถึงการฆ่าเชื้อด้วยแสงยูวี เชื่อมั่นได้ว่ามีความปลอดภัย 100 % " อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวและว่า นับจากนี้ หากมีการขอร้องจากแพทย์หรือญาติที่อนุญาตให้ทำการผ่าศพเพื่อพิสูจน์เป็น วิทยาทานทางการแพทย์ กรมการแพทย์ก็จะดำเนินการทันที เพราะถ้ามีการเก็บข้อมูลเพื่อการวิจัยที่ดีพอ เชื่อมั่นว่า แม้จะมีการคาดการณ์ การระบาดของโรคระลอกสองในเดือนส.ค.-ต.ค.นี้ แพทย์จะมีแนวทางในการรักษาได้อย่างทันท่วงที นอกจากตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว ยังจะช่วยลดความรุนแรงของโรคและอัตราการเสียชีวิตลงได้มาก

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/22355

"อภิสิทธิ์" ยันไม่พบไข้หวัดใหญ่ 2009 ดื้อยาหรือกลายพันธุ์

สั่งอสม.จับตาเข้มข้น1 คนต่อ 10 ครอบครัวต้องดูแลให้ได้ทั่วถึง ใครป่วยมีอาการน่าสงสัยต้องให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หากป่วยเล็กน้อยต้องให้อยู่กับบ้านขณะเดียวกันยังไม่ยืนยันหญิงโคราชแท้ง เพราะไข้หวัด 09....

เมื่อเวลา 13.35 น.ที่ผ่านมา(30 ก.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับมาตรการแก้ปัญหาไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ใน 2 ส่วน คือ

1.เรื่องระบบการจ่ายยาซึ่งในชั้นนี้ทางคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังยืนยันว่า เงื่อนไข 8 ข้อในการที่จะให้ยาออกไปตามคลินิคยังจำเป็นต้องคงไว้ แต่ต้องการให้ประเมินอยู่ตลอดเวลา เพราะเท่าที่ทราบกรณีที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เข้าถึงยาช้า แต่ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังเป็นห่วงเรื่องการดื้อยาหรือความไม่รัดกุมในการจ่ายยา

2.เมื่อมีแนวโน้มที่จะระบาดไปในชนบทมากขึ้น ระบบการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)จะต้องสามารถหยุดยั้ง สกัดกั้นการระบาดเข้าไปในหมู่บ้านให้ได้ โดยต้องเฝ้าระวังอย่างละเอียดเพราะอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ภารกิจ 1 คนต่อ 10 ครอบครัวต้องดูแลให้ได้ทั่วถึง ถ้าใครป่วยมีอาการน่าสงสัยต้องให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หากป่วยเล็กน้อยต้องให้อยู่กับบ้าน และต้องช่วยติดตามว่าคนๆนั้นมีโอกาสที่จะไปติดต่อแพร่เชื้อที่ไหนอย่างไร

สำหรับกรณีหญิงมีครรภ์ที่ติดเชื้อที่จ.นครราชสีมา แท้งเพราะไขหวัด 2009 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการยืนยันข้อมูลดังกล่าวมา สำหรับมาตรการขณะนี้เป็นมาตรการที่ทั่วโลกยอมรับว่าใช้กันตามปกติ เพียงแต่เราต้องไปเร่งดูการเข้าถึงยาในส่วนภูมิภาคกับการป้องกันระดับชนบทจะ ทำอย่างไร แต่ในพื้นที่เมืองเท่าที่ติดตามขณะนี้สถานการณ์ทรงตัวไม่ได้เป็นขาขึ้นแล้ว แต่จะไปบอกว่าเราสามารถสกัดหรือไม่สกัดแต่การติดเชื้อยังมีวงจรอยู่ เรายังต้องติดตามอยู่เพราะไม่ได้คิดว่าเป็นไปตามฤดูกาล เท่าที่ติดตามจากต่างประเทศไม่ได้มีผลกระทบจากฤดูร้อนในต่าง ประเทศเลย ที่ต้องติดตามตลอดคือการดื้อยาและการกลายพันธุ์เท่านั้น ซึ่งขณะนี้ยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย.

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/23117

สาว15ปี ท้อง 6 เดือนแท้งโคม่านอนโรงพยาบาล เหตุจากติดไข้หวัด2009

รองผอ. รพ.มหาราชนครราชสีมา เผยพบหญิงแท้งรายแรกในโคราชที่เกิดจากเป็นไข้หวัด09 อายุ 15 ปี ตั้งครรภ์ 6 เดือนถูกส่งตัวมาจาก รพ.ด่านขุนทด อาการรุนแรง ล่าสุดยังโคม่าต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา...

เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ ( 30 ก.ค.) นพ.วีรศักดิ์ เกียรติผดุงกุล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า ล่าสุด มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่เข้ามารักษาอยู่ในห้องไอซียู ของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และมีอาการน่าเป็นห่วงจำนวน 3 ราย โดย 1 ใน 3 รายเป็นหญิงอายุ 15 ปี ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ที่สำคัญเธอตั้งครรภ์ 6 เดือนถูกส่งตัวมาจาก โรงพยาบาลด่านขุนทด อ.ด่านขุดทด เมื่อวันที่ 20 ก.ค. แพทย์ได้ทำการรักษาผู้ป่วยมีอาการทรงตัว แต่ไข้ยังไม่ลด กระทั่งเมื่อวันที่ 28 ก.ค. มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด และแท้งลูก เป็นผู้หญิงท้องรายแรกของจ.นครราชสีมา ที่ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเกิดการแท้งลูกดังกล่าว

นพ. วีรศักดิ์ กล่าวต่อว่า การแท้งลูกดังกล่าวน่าจะมีสาเหตุมาจากการป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีอาการรุนแรงขึ้น คือ ผู้ป่วยมีไข้สูง ไอ เหนื่อย และมีอาการหอบรุนแรง ประกอบกับทารกในครรภ์ไม่สมบูรณ์ ทำให้แท้งลูก แพทย์ได้ช่วยรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่และดูแลอย่างใกล้ชิด ขณะนี้คนไข้ยังคงมีอาการน่าเป็นห่วง นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โดยใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา สำหรับคนไข้รายนี้ไม่มีโรคประจำตัวแต่อย่างใด

รองผู้อำนวยการโรง พยาบาลมหาราชนครราชสีมากล่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้ มีผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จำนวน 16 คน พักอยู่ที่ตึกหลวงพ่อคูณ ชั้น 3 และ 4 จำนวน 13 คน และเป็นผู้ป่วยหนักพักอยู่ที่ห้องไอซียูอีกจำนวน 3 ราย จ.นครราชสีมามีผู้ป่วยเสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 แล้วจำนวน 2 ราย

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/23113