“คนไทยเราโชคดีที่สุดที่มีความหลากหลายทางทรัพยากร และภูมิปัญญาของเราเอง ซึ่งสถานการณ์การแพร่ระบาดไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ครั้งนี้ เป็นเพราะเราไม่รู้จักมาก่อน และร่างกายเราเองก็ไม่รู้จัก ในทางทฤษฏีการแพทย์แผนไทย เน้นการป้องกันก่อนเกิดโรค การบริโภคพืชผักและสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรค**(Anti Occident)** เป็นการป้องกันจากภายในโดยเข้าไปช่วยการสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับเม็ด เลือดขาว”
จะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมการ กินของคนไทยจะเลือกพืชผักที่มีสีสวยและกลิ่นหอม สีสดๆ อาทิ หอมแดง จะมีสารแอนตี้ออกซิเดนท์ ที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันโดยตรง ชนิดที่มีกลิ่นหอมเท่ากับน้ำมันหอมระเหย ส่วนผักที่มีรสเปรี้ยว ฝาด จะมีกรดวิตามินซีสูง เพิ่มความต้านทานไข้หวัด ในเชิงวิทยาศาสตร์มีสาร **ไพโทนิน** ในพืชผักซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่คนไทยในแต่ละท้องถิ่นเห็นถึงความแตกต่าง และเลือกนำมากินได้อย่างเหมาะสมและถูกวิธี
สำหรับพืชผักที่ควรนำมาบริโภคในช่วงไข้หวัดระบาดนี้ ได้แก่กลุ่มผักมีสี อาทิ กระเจี๊ยบแดง มะเขือเทศ มะละกอ กลุ่มที่มีกลิ่นหอม อาทิ หอมแดง กระชาย มะตูม กลุ่มที่มี รสเปรี้ยว อาทิ สมอ มะขามป้อม ส่วนที่มีรสเผ็ดร้อน อาทิ ขิง ขมิ้น โหระพา กระเพรา กลุ่มรสฝาด อาทิ สมอไทย สมอพิเภก ชาเขียว สำหรับรสขม สะเดา เพกา(ลิ้นฟ้า) ซึ่งมีวิตามินซีสูงมาก
ส่วนการรับประทานนั้น ควรจะนำมาปรุงเป็นอาหารเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติและช่วยให้รับประทานได้ง่ายมีรส ชาติมากขึ้น เมนูที่ปรุงง่ายและได้ประโยชน์คงไม่พ้น “ยำผักสมุนไพร” หรือ “ผักสด-ผักลวดจิ้มน้ำพริก” ดูจะเป็นอาหารไทย ๆ ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายแถมใช้เวลาในการปรุงไม่มากนัก และรสชาติที่ออกเปรี้ยว-เผ็ด-เค็ม-หวาน น่าจะถูกปากเวลาทาน และถ้าเป็นไปได้ควรพยายามรับประทานผักเหล่านี้ให้ได้ทุกวัน เพราะนอกจากจะมีวิตามินซีสูงต้านไข้หวัดแล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันลดมะเร็งซึ่งเป็น ผลดีในระยะยาว
**ข้อมูลจาก งานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2552 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี
ที่มา: http://manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9520000097218
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น