ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ยอดผู้เสียชีวิตสังเวยไข้หวัด2009 พุ่งพรวด44รายแล้ว ป่วยหนักอีก7ราย

คมชัดลึก :7 วันรายงานผลหวัด 2009 ตะลึงยอดพุ่งพรวดตายเพิ่มถึง 44 ราย ติดเชื้อสะสมเฉียด 7 พัน รักษาตัวในโรงพยาบาลอีก 35 ราย จำนวนนี้ป่วยหนัก 7 ราย อาจารย์สุราษฎร์ธานีสงสัยติดหวัดตายรอผลตรวจ "อภิสิทธิ์ " เชื่อมีผู้ติดเชื้อหวัดพุ่งหลักหมื่นต่อวัน สั่ง สธ.วางระบบจ่ายยาป้องกันแพร่ระบาด “วิทยา”เพิ่งตื่นยืมมือมหาดไทยสั่ง “ผู้ว่าฯ-สสจ.” กันหวัด



(22ก.ค.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัด 2009 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่สะสมทั้งสิ้น 6,776 ราย รักษาหายแล้ว 6,697 ราย นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จำนวน 35 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนักรุนแรง 7 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมทั้งสิ้น 44 ราย เพิ่มจากเดิม จำนวน 20 ราย

อาจารย์สุราษฎร์ธานีสงสัยติดหวัดตายรอผลตรวจ

ผู้สื่อข่าวสุราษฎร์ธานีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดหวัด 1 รายคือ น.ส.สิริภัทร โพธิ์วอน อายุ 40 ปี อาจารย์โรงเรียนมัธยมพัชรกิติยาภา 3 ต.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งศพที่บ้านเลขที่ 6/2 ถ.โพธิ์หา ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเสียชีวิตเมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 22 ก.ค.ที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี หลังจากที่เข้ารับการรักษาตัวได้เพียง 2 วัน เบื้องต้นแพทย์ระบุเสียชีวิตจากสาเหตุปอดติดเชื้ออย่างรุนแรงและหัวใจล้ม เหลว ยังไม่ยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือไม่ ยังต้องรอผลจากการตรวจเชื้อจากห้องแล็บ

อย่างไรก็ตามทางญาติ และเพื่อน ๆ ระบุอีกด้วยว่าโดยปกติ น.ส.สิริภัทร เป็นคนโสด รักษาสุขภาพ ผ่านการตรวจสุขภาพเป็นประจำ เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพโดยหากเปรียบเทียบกับเพื่อนรุ่นเดียว กัน ถือได้ว่า น.ส.สิริภัทร เป็นคนดูแลรูปร่างตัวเองได้ดีที่สุด รูปร่างสมส่วน ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ

"อภิสิทธิ์"เชื่อมีผู้ติดเชื้อหวัดพุ่งหลักหมื่นต่อวัน

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่มีตัวเลขผู้ป่วยสูงขึ้นอย่างรวดเร็วว่า ในหลายๆประเทศจะมีการขยายตัวเร็วตามหลักการระบาดวิทยาที่พุ่งสูงขึ้นไป และตามหลักการบริหารนั้นต้องชะลอไม่ให้พุ่งเร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเป็นปัญหาดับสถานพยาบาล

“เราจะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้นในกรณีที่มีการพุ่งเร็ว เพื่อชะลอการระบาด ซึ่งทุกประเทศก็ใช้แนวทางนี้อยู่ วันนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขจะแถลงความเปลี่ยนแปลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่า จะป้องกันไม่ให้ตัวเลขการระบาดพุ่งถึงแสนคน ได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การระบาดนั้น หากฝ่ายวิชาการไปติดตามดูตัวเลขระดับโลก คิดว่าร้อยละ 40 ของคนจะได้รับผลกระทบ ฉะนั้นตัวเลขจะสูง ซึ่งเราไม่ต้องการให้ตัวเลขไปถึงจุดนั้น อย่างที่บอกคือ เป็นตัวเลขที่ส่งไปห้องแลป เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ตนพยายามสอบถามผู้เชี่ยวชาญและพบว่า ไทยมีผู้ได้รับผลกระทบต่อวันอยู่ที่หลักหมื่นคนที่ต้องเร่งป้องกัน และได้สั่งการกระทรวงสาธารณสุขไปแล้วในเรื่องระบบการจ่ายยา เพราะโรคดังกล่าวจะแพร่ออกไปทางภูมิภาคมากขึ้นโดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวัน ตกค่อนข้างมาก

เมื่อถามว่า ปัญหาคือคลินิกไม่สามารถจ่ายยาได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวยอมรับว่า ใช่ ต้องหาความพอดี เพราะยาตัวนี้ถ้าปล่อยไปโดยไม่มีการควบคุมก็จะเป็นปัญหา แต่ถ้าไม่มีระบบที่ดี ที่เป็นปัญหามากคือ ผู้ป่วยที่ไปคลินิก 1-3 ครั้งแต่ไม่ได้รับยา ขณะนี้ก็สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งจะมีการประชุมวิดิโอคอนเฟอร์เรนซ์เพื่อจัดทีมในระดับจังหวัดให้มีระบบการจ่ายยาที่ดี

เมื่อถามว่า มาตรการเชิงรับจะสามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดในภูมิภาคนี้ได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พื้นที่ต้องทำงานละเอียด ในแต่ละพื้นที่มีจุดไหนอย่างไร หากโรงเรียนใดมีปัญหาการระบาดมากก็สามารถปิดโรงเรียนได้ เข้าใจว่าขณะนี้มีกว่าร้อยโรงเรียน เมื่อถามว่า ตัวเลขที่ก้าวกระโดดมาถึงครึ่งแสนที่จะมีการแถลงในวันนี้จะทำให้ประชาชนอยู่ ในภาวะตื่นตระหนกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ย้ำว่าภาวะนี้จะต้องเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องช่วยกัน แนวปฏิบัติที่ย้ำอยู่ตลอดว่าเจ็บป่วยเล็กน้อยให้อยู่บ้าน หาก 2 วันอาการไม่ดีต้องรีบไปหาหมอ ระบบการแพทย์ยาต้องไปถึงผู้ป่วยได้เร็ว

เมื่อถามว่า การทำงานจะเป็นระบบ การประสานงานจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการประสานงานกันอยู่ แม้ในต่างประเทศก็มีการปรับแผน บางเรื่องถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับหลายฝ่าย ก็ต้องมาให้องค์ความรู้ โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่มีความเห็นแตกต่างกันอยู่ เพราะ 1.ติดง่าย 2.คนส่วนใหญ่ไม่เป็นไร แต่ประมาทไม่ได้ เพราะมีลักษณะที่ทำลายระบบการหายใจเร็ว เพราะฉะนั้นจะลงปอดเร็ว

“วิทยา”เพิ่งตื่นยืมมือมหาดไทยสั่ง “ผู้ว่าฯ-สสจ.” กันหวัด

เมื่อ เวลา 9.00 น.นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ( ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ได้เป็นประธานประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร็นซ์ ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อขอความร่วมมือผู้ว่าฯ ในการเป็นประธานศูนย์ปฏิบัติการไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ระดับจังหวัด โดยมีนายวิทยา แก้วภารดัย รมว.สาธารณสุข เข้าร่วมประชุม

โดยนายวิทยา กล่าวว่า เพื่อเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ เพิ่มความเข้มข้นในการควบคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งจะมีการดำเนินการร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ของโรคได้แพร่ระบาดไปยังภูมิภาค ประชาชนทุกคนมีความเสี่ยงในการติดเชื้อเท่ากัน เพราะยังไม่มีภูมิคุ้มกันในตัวเอง จึงต้องมีการสร้างภูมิคุ้มกันคือ1.การดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และ2.ภูมิคุ้มที่มนุษย์สร้างขึ้น คือ วัคซีนในการป้องกันโดยขณะนี้กำลังผลิตอยู่ ซึ่งวัคซีนล็อตแรกจะมาในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้

นายวิทยา กล่าวว่า สิ่งที่ต้องเน้น 5ประเด็นหลัก คือ 1. ได้ขอความร่วมมือผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นประธานศูนย์ปฏิบัติการไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ระดับจังหวัดให้มีการประชุมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง ให้แต่ละจังหวัด คัดกรองเด็กนักเรียนป่วยและผู้ป่วยทั่วไปทั้งในโรงพยาบาลและสถานประกอบการ ต่าง ๆ เช่น โรงงาน เพื่อแยกผู้ป่วยให้หยุดรักษาตัว โดยไม่ถือเป็นวันลาและไม่เสียสิทธิใด ๆ 2. เร่งประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ของแต่ละจังหวัด เช่น หอกระจายข่าว วิทยุชุมชน เป็นต้น เพื่อให้ทราบถึงอาการและดูแลตนเองเวลาเจ็บป่วย ตลอดจนรณรงค์ให้ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัยอยู่บ้านจนครบ 7 วัน นับจากวันแรกที่มีไข้

3.ในจังหวัดที่ มีการระบาดโรคค่อนข้างมากควรเลื่อนการจัดงานมหรสพ หรือกิจกรรมที่มีคนมาร่วมตัวเป็นจำนวนมากหากไม่เลื่อนควรมีมาตรการป้องกัน 4.ให้มาตรการทางกฎหมายผ่านข้อบัญญัติแต่ละท้องถิ่นในการดูแลความสะอาดที่ ต่าง ๆ เช่น ตลาด โรงเรียน โรงฆ่าสัตว์ ร้านเกมส์ สถานบันเทิง และ 5. เน้นย้ำให้แต่ละจังหวัดประเมินผลการระบาดของโรค โดยวัดจากอัตราผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเทียบกับจำนวนประชากรแต่ละจังหวัดเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขรายงานให้กับผู้ว่าราชการในแต่ละจังหวัดอย่างตรงไปตรงมา มิเช่นนั้นอาจทำให้นักวิเคราะห์วิเคราะห์ผลออกมาคลาดเคลื่อน อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศได้ไทย

ด้านนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระทรวงสาธารณสุข ประชุมไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร็นซ์ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อกำชับให้ผู้ว่าฯ เป็นประธานศูนย์ปฏิบัติการไข้หวัดสาย พันธุ์ใหม่ว่า การประชุมเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข แต่ที่ต้องมาประชุมที่มหาดไทย เพราะกระทรวงสาธารณสุขไม่มีระบบวิดีโอคอนเฟอเร็นซ์ ซึ่งในการนี้ ได้เชิญสาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลระดับศูนย์จังหวัด และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ มาร่วมฟังด้วย เหมือนเป็นการแถลงนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข

เมื่อถามว่า สถานการณ์การระบาดเป็นไปร่วม 3 เดือน แต่เพิ่งมีการมอบนโยบายระดับประเทศ จะช้าไปหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็ทำอยู่แต่ต้น ครั้งนี้เป็นเพียงการย้ำให้ทั่วถึง ทั้งนี้ ยืนยันว่า เรื่องการควบคุมสถานการณ์ หากทำไม่ได้ จะไม่มีการคาดโทษผู้ว่าฯ ตนอยากให้ไปดูตัวเลขผู้เสียชีวิตในประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ยังมีผู้เสียชีวิตมากกว่าเรา ถ้านับเป็นเปอร์เซ็นต์ ของอังกฤษ ประมาณ 0.5 หรือเสียชีวิต แล้วประมาณ 350 คน ทั้งที่เขามีการดูแลสุขอนามัยดีกว่าเรา แต่ของไทยประมาณ 0.3 การกำชับผู้ว่าให้ดูแลสถานการณ์นั้น คงไม่ต้องถึงกับคาดโทษ เพราะโตๆ กันแล้ว รู้ว่า ชีวิตประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ และไม่ห่วงว่า ทางจังหวัดจะปกปิดจำนวนผู้ติดเชื้อเพราะเกรงจะถูกคาดโทษ เชื่อว่า ทุกอย่างโปร่งใส และผู้ว่าฯ ต้องตื่นตัวในการลงไปชี้แจงสถานการณ์กับประชาชน

เมื่อถามว่า ทางผู้ว่าฯ ต้องรายงานสถานการณ์ตรงต่อกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวว่า เราใช้ศาลากลางจังหวัดของผู้ว่าฯ เป็นวอร์รูม ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัด ทั้งนี้เท่าที่ตนประเมินสถานการณ์ ถ้าเทียบเป็นกราฟจำนวนผู้ติดเชื้อ กราฟคงจะเป็นเส้นตรงแนวราบอีกสักพัก แต่ขึ้นอยู่กับจะมีการกลายพันธุ์หรือไม่

นายชวรัตน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย โจมตีการดูแลสถานการณ์ไข้หวัด 2009 ทำงานไม่เป็น เพราะไม่มีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาดูแลว่า ความจริง กระทรวงสาธารณสุขก็เป็นผู้ริเริ่มเรื่องคณะกรรมการระดับชาติ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ที่ดูแลปัญหาทำอย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ ของเราทำอย่างเต็มที่ ขนาดการผลิตหน้ากากอนามัย ก็ประสานให้กรมพัฒนาชุมชน ( พช.) ช่วยผลิตเพิ่มอีกแรงหนึ่ง และองค์การเภสัชกรรมก็เร่งผลิตวัคซีน

รมว.ศธ.พอใจมาตรการปิดร.ร.กวดวิชา

นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฐ์ รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการปิดโรงเรียนกวดวิชา 15 วันว่า ถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจในการลดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 และเบื้องต้นจะไม่มีมาตรการปิดโรงเรียนกวดวิชาเพิ่มเติมอีก แต่หลังจากนี้ก็จะให้มีการคัดกรองเด็กนักเรียนที่เข้าเรียนพิเศษอย่างเข้ม งวดต่อไปเหมือนเดิม หากใครป่วยก็ต้องให้หยุดอยู่กับบ้าน

เพื่อไทยร้องรัฐบาลแถลงหวัดสัปดาห์ละ3วัน

เมื่อเวลา 10.00 น.นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า ผลสำรวจของสวนดุสิตโพลล์ล่าสุดนั้นชี้ให้เห็นว่า ประชาชน 89.50% ต้องการให้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขแถลงตัวเลขของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ติด เชื้อเป็นรายวัน แต่รัฐบาลกลับพยายามปกปิดข้อเท็จจริงโดยจัดให้มีการแถลงข่าวเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น เป็นการบิดเบือนสิทธิการรับรู้ข่าวสารของประชาชน แม้แต่องค์การอนามัยโลกก็ยังกำหนดไว้เป็นมาตรฐานว่า ต้องมีการแถลงข่าว 3 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลแถลงตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ที่ ติดเชื้อ 3 วันต่อสัปดาห์คือ วันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ ขอเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เป็นประธานในการดำเนินการให้เรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งนายกฯสามารถสั่งการและควบคุมได้ทุกกระทรวง รวมทั้งรัฐบาลต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย เพื่อไม่ให้ประชาชนหูหนวก ตาบอดจนขาดการระมัดระวัง

ค้านย้าย"เทอร์โมสแกน"ไปตั้ง"สนามรัชมังคลากีฬาสถาน"

นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมลิเวอร์พูลกับทีมชาติไทย ซึ่งรัฐบาลให้นำเครื่องเทอร์โมสแกนจากสนามบินสุวรรณภูมิมาติดตั้งบริเวณทาง เข้าสนามรัชมังคลากีฬาสถานเพื่อป้องกันผู้ติดเชื้อไข้หวัด 2009 นั้น ไม่ทราบว่ารัฐบาลคิดแบบนี้ได้อย่างไร เพราะสนามบินสุวรรณภูมินั้นถือเป็นประตูเข้าสู่ประเทศไทย และการที่ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายแรกก็แพร่มาจากที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งหากเครื่องเทอร์โมสแกนไม่พอรัฐบาลก็ต้องตั้งงบประมาณในการจัดซื้อขึ้นมา เพราะขนาดแจกเงิน 2,000 บาทเพื่อหาคะแนนเสียงรัฐบาลยังทำได้ แต่วันนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากโรคไข้หวัด 2009 ทำไมรัฐบาลกลับไม่ดำเนินการ

ผู้ว่าฯพิษณุโลกระดมทุกภาคส่วนทำความสะอาด

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 22 ก.ค. ที่โรงเรียนอนุบาลโรจน์วิทย์ อำเภอเมืองพิษณุโลก นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าร่วมกิจกรรม BiG Cleaning Day ที่จังหวัดพิษณุโลก ได้ให้ทุกภาคส่วนทำความสะอาดพร้อมกัน ซึ่งภายหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ใหม่ ทำให้หน่วยงานหลายฝ่าย ได้ให้ความสำคัญกับการแพร่ระบาดและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ซึ่งได้กำชับว่าขอให้ทุกคนตระหนักรู้ว่าขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ของการแพร่ ระบาดของโรค ถือเป็นหน้าที่ร่วมกันทุกคน เพื่อระงับยับยั้งการแพร่ระบาดในกลุ่มนักเรียนให้ได้

พร้อมกันนี้ ได้ขอให้โรงเรียน งดกิจกรรมพานักเรียนไปดูงานต่างจังหวัด ในสถานศึกษา ให้ครูและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพอนามัยของเด็กนักเรียน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก ได้ขอความร่วมมือในด้าน การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร หาพบผู้ป่วยต้องสงสัยในหน่วยงานหรือโรงเรียนใดก็ตาม อย่าปิดบังข่าว เพราะจะทำให้สถานการณ์กลับแย่ลงไปอีก ทุกคนต้องร่วมมือกัน ต้องมีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและสังคมด้วย

ล่าสุด มีรายงานจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาพิษณุโลก เขต 3 ว่า พบนักเรียนชาย 1 ราย ของโรงเรียนวัดโบสถ์ศึกษา ผลตรวจพบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งทางโรงเรียนวัดโบสถ์ศึกษา ได้ทำความสะอาดใหญ่พร้อมกันในวันนี้ แต่จังหวัดพิษณุโลก ยังไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต

ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20090722/21389/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9444%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%817%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น