ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กระทรวงสาธารณสุขเตรียมทดลองวัคซีนต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่2009 ถ้าไม่เวิร์คไม่นำมาใช้แน่นอน

สธ.เตรียมทดลองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ส.ค.นี้ ถ้าไม่เวิร์คจะไม่นำมาใช้แน่นอน สั่ง อภ.ผลิตยาโอเซลทามิเวียร์เพิ่ม10ล้านเม็ด เพื่อสำรองยาต้านไวรัส รับมือการระบาดใหญ่ระลอก2เดือนต.ค.นี้ ...

วันนี้ (19ก.ค.) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอเอช1 เอ็น 1 ที่กระทรวงสาธารณสุขว่า การประชุมในครั้งนี้ ได้ติดตามมาตรการความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่2009 ใน 4 ประเด็นหลักคือ วัคซีน ประสิทธิภาพการรักษาพยาบาล ในรายที่มีอาการรุนแรง และในรายที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรง เพื่อให้ได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอผลแล็ป การจัดทำคู่มือประชาชนในการป้องกันโรค รวมทั้งการติดตามข้อเสนอแนะต่างๆที่ประชาชนและหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เสนอ แนะ หรือให้คำแนะนำต่อกระทรวงสาธารณสุข

รมว.สาธารณสุข กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้กระจายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ ไปให้โรงพยาบาลต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนทุกจังหวัด ลงไปถึงระดับโรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งอย่างเพียงพอ โดยเตรียมยาสำรองในระบบ14 ล้านเม็ด โดยหลังจากปรับมาตรการการรักษาแล้ว ได้ให้องค์การเภสัชกรรมสั่งวัตถุดิบเพื่อผลิตยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ หรือชื่อการค้าว่า จีพีโอ เอฟูลเพิ่มอีก 10 ล้านเม็ดในสัปดาห์หน้า รวมแล้วมียาสำรองในระบบทั้งสิ้น 24 ล้านเม็ด คาดว่าวัตถุดิบจะมาถึงไทยวันพุธที่ 22 ก.ค.นี้ และใช้เวลาบรรจุ 3-5 วัน ก็จะจัดส่งไปยังสถานพยาบาลต่างๆได้ ยามีเพียงพอ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้

นพ. ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009 ว่า การผลิตวัคซีนดังกล่าว เป็นการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนไทยและความมั่นคงของประเทศไทยในการ ป้องกันโรคติดต่อ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะกรรมการดูแลประสิทธิภาพความปลอดภัยของ วัคซีนอย่างรัดกุมที่สุดตามหลักวิชาการและมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก มี 3 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการทดลองในคน คณะอนุกรรมการขึ้นทะเบียนวัคซีน และคณะอนุกรรมการส่งเสริมการผลิตวัคซีน ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญองค์การเภสัชกรรม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าวัคซีนต้นแบบล็อตแรก จะออกมาช่วงต้นเดือนสิงหาคม 2552 จากนั้นก็จะทดลองประสิทธิภาพในความปลอดภัยในสัตว์ทดลอง และทดลองในคนต่อไปตามขั้นตอนของหลักสากล หากไม่ได้ผลหรือไม่มีความมั่นใจ จะไม่มีการนำมาใช้อย่างแน่นอน

ส่วนประเด็นที่พรรคฝ่ายค้าโจมตี การใช้เงิน 600 ล้านบาท ที่หลายฝ่ายเข้าใจว่าเป็นการลงทุนผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ ใหม่นั้น นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เงินดังกล่าว เป็นเงินที่สั่งจองซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯจำนวน 2 ล้านโดส ที่ผลิตในต่างประเทศ จากบริษัทซาโนฟี่ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก โดยวัคซีนดังกล่าวจะส่งถึงไทยในเดือนธันวาคม 2552 นี้

นพ.ไพ จิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีการรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตที่มีการวิจารณ์ว่าสธ.ปกปิดข้อมูล ว่า ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข รายงานจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตตรงไปตรงมา ไม่เคยปกปิดข้อมูลใดๆทั้งสิ้น และยึดตามแนวทางขององค์การอนามัยโลกในฐานะประเทศสมาชิก ส่วนการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการนั้น ขณะนี้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถตรวจได้ทุกแห่งและเพียงพอแล้ว โดยในการตรวจนั้นจะใช้ประโยชน์ใน 2 เรื่องที่มีความสำคัญคือตรวจในรายผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเพื่อให้รู้แน่นอน เป็นประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาล และตรวจเพื่อติดตามเฝ้าระวังและกำกับสถานการณ์การควบคุมป้องกันโรคใน พื้นที่

ขณะที่พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการชะลอการแพร่เชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ที่จะมีการเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ได้มีหนังสือสั่งการกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดดำเนินการตรวจคัด กรองเด็กที่ป่วยในโรงเรียนทุกแห่งทั้งรัฐเอกชนและติดตามต่อเนื่องทุกวัน เป็นมาตรการเหมือนกันทั่วประเทศ หากพบเด็กป่วย ให้หยุดเรียนและอยู่ที่บ้านจริงๆ แทนการปิดโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองดูแล จนกว่าจะหายป่วย ซึ่งวิธีนี้นับว่าดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด รวมทั้งกิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาดโรงเรียน สถานบันเทิง โรงงาน การสำรวจความเพียงพอของอ่างล้างมือของโรงเรียน และให้ส่งรายงานผลการปฏิบัติให้ศูนย์อำนวยการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขทุกวัน

นอกจากนี้ พ.ญ.ศิริพร กล่าวด้วยว่า ได้แจกปรอทวัดไข้ให้ อสม.ทั่วประเทศ ทำการคัดกรองผู้ที่มีไข้ในหมู่บ้าน เพื่อส่งตัวเข้าดูแลต่อที่สถานพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างรวดเร็วและถูกต้อง และมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จัดพิมพ์คู่มือโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฉบับประชาชน แบบพกพาได้ จำนวน 4 ล้านฉบับ โดยจะเริ่มจัดส่งไปกทม. ในวันจันทร์ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศในวันอังคารที่ 21 กรกฎาคม 2552 นี้ เพื่อให้อสม.นำไปแจกจ่ายให้ประชาชนต่อไป และอาจแจกที่ร้าน เซเว่น อีเลฟเว่น ด้วย วางที่ศาลากลางจังหวัด โรงพยาบาล สถานีอนามัยทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการดูแลตนเองมากยิ่งขึ้น

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/20601

1 ความคิดเห็น:

  1. ขอให้ทดลองเป็นผลสำเร็จทีเถอะ ว่าแต่ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เม็ดละเท่าไหร่กันตอนนี้

    ตอบลบ