ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการทรงตัว ส่วนลูกไม่พบเชื้อแล้ว

รม ช.สธ. เผยอาการหญิงตั้งครรภ์ 7 เดือนและติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ฯ หลังผ่าตัดคลอดรักษาที่รพ.จุฬาฯ วันนี้ ยังใช้เครื่องช่วยหายใจ ให้ยาโอเซลทามิเวียร์ครบ ไม่มีเชื้อแล้ว แต่พบปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

วันนี้ (27 ก.ค.) นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเยี่ยมอาการหญิงอายุ 24 ปี น้ำหนัก 115 กิโลกรัม ตั้งครรภ์ 7 เดือนและติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ซึ่งแพทย์ รพ.ราชบุรี ผ่าตัดช่วยคลอด และส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2552 ว่า ในวันนี้ ผู้ป่วยอาการทรงตัว ยังคงอยู่ในห้องไอซียู ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังจากได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ครบ ผลการตรวจเชื้อซ้ำไม่พบเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯแล้ว แต่พบเชื้อแบคทีเรียชนิดเชื้อรุนแรง ผลเอกซเรย์ปอดยังไม่ดีขึ้น แพทย์ได้ให้ยาปฏิชีวนะที่แรงขึ้น และติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

สำหรับ อาการของลูกซึ่งรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลราชบุรี นายมานิต กล่าวว่า วันนี้ได้รับรายงานว่าอาการดีขึ้น ตรวจไม่พบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ แล้ว แต่แพทย์ยังคงดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเด็กคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักตัวเพียง 1,500 กรัม

นาย มานิต กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งให้การดูแลผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทุกรายอย่างเต็ม ที่ โดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงหากติดเชื้อไข้ หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ โดยขอให้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์หลีกเลี่ยงการคลุกคลีอยู่ใกล้ชิดกับคนที่ป่วย เป็นไข้หวัด หรือหากจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน โดยเฉพาะในที่ชุมนุมชน จะต้องใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และล้างมือบ่อย ๆ โดยหากป่วยเป็นไข้ แม้จะไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ก็ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที เพื่อจะได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์หากพบเข้าข่ายเป็นไข้หวัดใหญ่สาย พันธุ์ใหม่ฯ ซึ่งยานี้สามารถให้ได้แม้จะอยู่ในระยะตั้งครรภ์ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม จะนำประวัติของผู้ป่วยรายนี้ ให้ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญศึกษาวิเคราะห์ หาสาเหตุการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกต่อไป

ทั้ง นี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้กระจายยาต้านไวรัสให้หน่วยงานและโรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง ครอบคลุมถึงโรงพยาบาลชุมชนแล้ว โดยสำนักงานป้องกันควบคุมโรค 12 แห่งทั่วประเทศ มีแห่งละ 20,000 เม็ด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด แห่งละ 5,000 เม็ด โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป แห่งละ 2,000 เม็ด และโรงพยาบาลชุมชนแห่งละ 300 เม็ด

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/22397

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น