ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

"อัมมาร" จวกรัฐบาลแก้โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ผิดทาง ทำคนตื่นกลัว

ชี้ในอนาคตหากสังคมไทยยังแตกตื่นเกี่ยวกับโรคนี้จนเกินไป อาจจะมีผลกระทบรุนแรง ขณะที่ มท.จับมือ สปสช. ทุ่มงบ 2พันล้าน ตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาหวัด 09 ให้อปท.-อบต.อบจ. ...

นายอัมมาร สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าววันนี้ (23 ก.ค.) ภายหลังบรรยายพิเศษเรื่อง “การพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ” จัดโดยสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า การแก้โรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ 2009 ของรัฐบาลผิดทางเพราะมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารจนทำให้เกิดความตระหนกแตกตื่นในหมู่ ประชาชนมากเกินไป ซึ่งที่จริงแล้วรัฐบาลควรที่จะเน้นเรื่องของความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ เชื้อโรคชีวภาพตัวนี้ ว่า

1.เป็นเชื้อโรคที่แพร่ง่าย
2.ไม่เป็นอันตรายรุนแรงหากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที

แต่ที่ผ่านมาการรายงานตัวเลขผ่านสื่อตลอดเวลา ทำให้ประชาชนตื่นกลัว ตะหนก เกิดความหวาดกลัวในสังคมอาจจะทำให้เกิดผลเสียตามมาได้

นายอัมมาร กล่าวว่า แม้จะไม่ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจมากนัก อาจจะมีเพียงแค่ตัวเลของนักท่องเที่ยวที่ลดลง แต่ในอนาคตหากสังคมไทยยังแตกตื่นเกี่ยวกับโรคนี้จนเกินไปก็อาจจะมีผลกระทบ รุนแรงได้

“สิ่งสำคัญตอนนี้คิดว่ารัฐบาลควรจะเน้นเการป้องกัน และให้ความรู้กับประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป้องกันการแพร่เชื้อโรคในที่มีความแออัดของผู้คน เช่นโรงเรียนกวดวิชา สถานที่สาธารณะที่เป็นห้องแอร์ ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก แทนการรายงานตัวเลขที่เพิ่มขึ้นตลอดเวลาเพราะที่จริงแล้วทุกๆ ประเทศก็มีตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเหมือนกัน แม้จะยอมรับว่ารัฐบาลทำไปตามหน้าที่แล้วแต่มองดูแล้วก็เห็นว่ายังไม่โปร่งใส ไม่ชัดเจน ไม่เคลียร์ในเรื่องการดูแลโรคไข้หวัดชนิดนี้” นายอัมมาร กล่าว

ด้าน นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังหารือร่วมกับ นพ.มงคล ณ สงขลา อดีต รมว.สาธารณสุข ประธานคณะกรรมการสนับสนุนการป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่ 2009 (สสส.) ว่า กระทรวงมหาดไทยร่วมมือกับ สสส. ในการจัดตั้งศูนย์สนับสนุนและให้คำปรึกษาแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ทั้ง องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) เทศบาล องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ทั่วประเทศ โดยใช้งบประมาณจากกองทุนสุขภาพชุมชน ที่ร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จำนวน 2,000 ล้านบาท

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/21529

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น