ปกติถ้าผมอยู่บ้าน ผมจะไม่ใส่หน้ากากอนามัย เพราะถ้าใส่กลัวหลานตัวเล็กอายุแค่ 5 เดือน จำหน้าผมไม่ได้ จะไม่ยอมให้ผมอุ้ม
แต่พอผมออกจากบ้านไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศิริราช ผมไม่ลืมที่จะใส่หน้ากากอนามัยตั้งแต่เริ่มนั่งอยู่ในรถแท็กซี่
ที่โรงพยาบาลพบว่ามีคนใส่หน้ากากอนามัยกันค่อนข้างมาก
หมอก็ใส่ พยาบาลก็ใส่ คนไปรักษาตัวก็ใส่ คนติดตามก็ใส่
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะไม่มีใครอยากเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นั่นเอง
และเมื่อหน้ากากอนามัยสามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ ก็ย่อมป้องกันหวัดใหญ่สายพันธุ์เก่าและหวัดเล็กหวัดน้อยได้ด้วย
ผมนั่งรอตรวจอยู่หน้าห้องหมอ มีคนนั่งอยู่เต็มทุกที่นั่ง รวมแล้วหลายสิบคน
ทั้ง ๆ ที่โรงพยาบาลเต็มไปด้วยโรค เพราะคนที่มาโรงพยาบาล ถ้าไม่ใช่หมอ ไม่ใช่พยาบาล ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนป่วย
คนป่วยทั้งหลายเหล่านี้แหละไม่ได้มาโรงพยาบาลแต่ตัว แต่ได้นำโรคมาด้วย
ที่โรงพยาบาลจึงเป็นแหล่งขยายพันธุ์เชื้อโรคได้มากเป็นพิเศษ
ก่อนนี้ เวลาไปโรงพยาบาลทีไรจะกลัวติดโรคหวัดกลับมา หรือวัณโรคก็น่าจะมี เพราะเป็นโรคที่หายไปนานแล้วก็จริง แต่ได้ย้อนกลับมาอีก
ตอนนั้นเวลาผมไปโรงพยาบาลผมก็อยากใส่หน้ากากอนามัยเหมือนกัน แต่รู้สึกแปลกถ้าจะใส่ เพราะไม่มีใครเขาใส่กัน จึงทำได้เพียงพยายามไม่ไปนั่งใกล้กับคนที่มีท่าทางบอกให้รู้ว่าป่วยเป็นหวัด เช่น จาม ไอ สั่งน้ำมูก ให้เราได้เห็น
ไม่เหมือนกับตอนนี้ การใส่หน้ากากอนามัยถือเป็นเรื่องธรรมดา
ฉะนั้น เมื่อได้ใส่หน้ากากอนามัยจึงทำให้ผมมีความรู้สึกมั่นใจ มั่นใจว่าจะปลอดภัย
ที่คิดมาก่อนว่า ถ้าใส่หน้ากากอนามัยจะหายใจไม่สะดวก เพราะเหมือนมีอะไรมาปิดอยู่บนจมูก แต่พอใส่หน้ากากขึ้นมาจริง ๆ หน้ากากไม่ได้เกะกะอะไรเลย สามารถหายใจได้สะดวกจมูกและสดชื่นอีกต่างหาก เพราะอากาศภายนอกก่อนที่จะผ่านจมูกของเรา ได้ผ่านการกรองจากหน้ากากเรียบร้อยแล้ว
ขณะนั่งรอหมอ ผมอดคิดถึงประโยชน์ของหน้ากากอนามัยไม่ได้
ประการแรกอยากจะชมคนตั้งชื่อหน้ากากชนิดนี้ว่า หน้ากากอนามัย แทนที่จะเรียกว่า ผ้าปิดจมูก หรือ ผ้าปิดปาก ซึ่งจะผิดทั้งคู่ เพราะผ้าชนิดนี้ไม่ได้ปิดแต่ปาก ปิดจมูกด้วย และถ้าใช้คำว่า หน้ากากเฉย ๆ ก็ไม่ถูกอีก เพราะคำว่าหน้ากากนั้น หมายถึงจะต้องปิดหน้าปิดตาก็จะไปกันใหญ่
การเรียกว่าหน้ากากอนามัยจึงถูกต้องที่สุด
แล้วก็คิดต่อไปว่า
หน้ากากอนามัยไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะการป้องกันโรคทางเดินหายใจเท่านั้น ยังได้ประโยชน์อื่น ๆ อีกหลายอย่างมาก เช่น
1. ใช้ใส่กันฝุ่น เวลากวาดบ้านหรือต้องเดินทางไปตามถนนที่มีฝุ่น หน้ากากอนามัยช่วยได้ดี ถ้าผู้ใดเคยไปเที่ยวเวียดนามจะเห็นหญิงสาวไม่ว่าจะอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์หรือ จักรยานจะใส่หน้ากากอนามัยกันแทบทุกคน
2. คนปากเหม็น หน้ากากอนามัยก็จะทำหน้าที่กั้นกลิ่นไม่ให้ออกมาเพ่นพ่านรบกวนจมูกคนอื่น
3. หญิงสาวถ้าใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่จำเป็นจะต้องทาปากให้สิ้นเปลือง
4. คนไม่สวยถ้าใช้หน้ากากอนามัยจะดูลึกลับและสวยขึ้น ทำให้หนุ่ม ๆ สนใจ
5. คนที่มีปากห้อย ปากแบะ ปากหนา ปากไม่สวย และไม่มีดั้งจมูก หน้ากากอนามัยสามารถปกปิดให้ได้
6. ตำรวจจราจรบางคนที่ชอบไถเงินรถสิบล้อ ถ้าใช้หน้ากากอนามัยควบคู่กับแว่นตาดำ รับรองว่าไม่มีใครจำหน้าได้
7. ตามข้อ 6 เมื่อจำหน้าไม่ได้ หน้ากากอนามัยจึงเหมาะสำหรับใส่เพื่อทำความผิดได้ทุกเรื่อง เช่นปล้นธนาคาร วิ่งราวทรัพย์ หรือข่มขืนผู้หญิง
8. พ่อบ้านที่ชอบดื่มเหล้าตอนเลิกงาน เวลากลับถึงบ้าน ถ้าใส่หน้ากากอนามัยจะไม่มีกลิ่นเหล้าออกจากปากรบกวนจมูกเมีย
9. ถ้ามีเมียเป็นคนพูดมาก ขี้บ่น ควรให้เมียใส่หน้ากากอนามัยให้เป็นประจำ รับรองว่าการบ่นจะน้อยลง
10. ใครก็ตามที่เวลานอนหลับมีน้ำลายไหล ถ้าใส่หน้ากาก อนามัยจะช่วยปกปิดน้ำลายที่ค่อย ๆ ยืดออกจากปากไว้ได้
11. คนนอนกรน หน้ากากอนามัยจะเก็บเสียงให้มีเสียงกรนเบาลง
12. สามารถนำหน้ากากอนามัยมาให้เด็กหรือลูกหลานใช้สีวาดได้ หรือจะวาดเองก็ได้ เพื่อจะได้รูปที่ต้องการ ถือเป็นงานศิลปะบนหน้ากากที่ทำให้การป้องกันไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้มีสีสัน
13. ถ้าใส่หน้ากากอนามัยนั่งส้วม ช่วยดับกลิ่นได้ระดับหนึ่ง
หน้ากากอนามัยคงมีประโยชน์อื่นอีกหลายอย่าง แต่ที่ผมนึกได้มีเพียงแค่นี้เอง
เมื่อหน้ากากอนามัยมีประโยชน์มากขนาดนี้ ทุกท่านจึงควรมีไว้ปิดจมูกและปากโดยพลัน.
ไมตรี ลิมปิชาติ
ที่มา: http://dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=534&contentId=13024
ลิงค์ผู้สนับสนุน
วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น