ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

นายกฯเปิดโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

อภิสิทธิ์ เปิด รง.ต้นแบบผลิตวัคซีนกันหวัด2009ย้ำที่ผ่านมารัฐให้ความใส่ใจมาตลอด ไม่เคยปิดบังตัวเลข ล่าสุดผลิตวัคซีนต้นแบบสำเร็จจากทีมวิจัยคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และทีมวิจัยจาก สวทช. ...


วันนี้ (12ก.ค.) ที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตราชวังสนามจันทร์ จ.นครปฐม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคณะผู้บริหาร ได้เดินทางร่วมในงาน "พิธิเปิดโรงงานต้นแบบนำร่องทดลองผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009" โดย นายอภิสิทธ์ กล่าวว่า หลังจากเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง และการทำกิจกรรมของสังคม แต่การจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น การห้ามเดินทางไปมาระหว่างประเทศ การปิดประเทศ การหยุดเรียนพร้อมกันทั่วประเทศ เป็นต้น ต้องดูผลกระทบที่เกิดขึ้น และต้องยืนอยู่บนฐานข้อมูลของความจริง

ทั้ง นี้ นายกฯ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลได้เอาใจใส่ดูแล พร้อมกับเผยแพร่ข้อมูลอย่างโปร่งใส ไม่มีการปกปิดตัวเลขตามที่มีการกล่าวหา การติดตามตัวเลขจึงมีความสำคัญเพื่อที่รัฐบาลจะได้กำหนดมาตรการออกมาใช้ อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ปัจจุบันรัฐบาลมุ่งป้องกันไปที่โรงเรียนและโรงเรียนกวดวิชา เนื่องจากพบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 11-20 ปีเศษ หรือ 2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ขณะเดียวกันรัฐบาลก็มุ่งไปที่การผลิตวัคซีน และยา ซึ่งเป็นความคาดหวังของสังคมในการลดปัญหาการระบาดโรคดังกล่าว ขณะนี้มีการสำรองและกำลังมีการเจรจาลดราคายากับบริษัทต่างประเทศ รวมทั้งการทำสัญญากับผู้ผลิตวัคซีน คาดว่าจะดำเนินการได้ประมาณเดือน ต.ค.นี้ และล่าสุด ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการผลิตวัคซีนต้นแบบ ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 มาใช้เอง มาตรการทั้งหมดทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการไว้วางใจจาก องค์การอนามัยโลกในการเฝ้าระวังการระบาดโรคดังกล่าว

คุณหญิง กัลยา กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ประสบความสำเร็จในการผลิตสายพันธุ์วัคซีนต้นแบบขึ้นเอง เพื่อให้ประเทศไทยมีความสามารถในการผลิตวัคซีนชนิดนี้ได้ หากมีเหตุจำเป็น เพื่อเพิ่มความมั่นคงและปลอดภัย และความสามารถในการเข้าถึงวัคซีนของประเทศไทย ซึ่งนับเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ ตัวเอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย โดยสนับสนุนงบประมาณให้แก่นักวิจัย 2 ทีม ทีมแรกนำโดย ศ.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล และดร.อรปรียา ทรัพย์ทวีวัฒน จากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เป็นทีมจัดสร้างวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 2009 ชนิดเชื้อเป็น โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า รีเวอร์สเจเนติกส์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่หลายประเทศนิยมใช้ในการสร้างวัคซีนตั้งแต่สมัยไข้หวัด นก โดยพัฒนาเป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น ซึ่งเพาะเชื้อแล้วสามารถนำไปใช้ได้เลย โดยการพ่นใส่จมูก และใช้ในปริมาณน้อยกว่าเชื้อตาย

คุณหญิงกัลยา กล่าวด้วยว่า ส่วนทีมที่ 2 นำโดยนายอนันต์ จงแก้ววัฒนา นักวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ทำการจัดสร้างวัคซีนด้วยเทคนิคเดียวกัน แต่สร้างเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย เพื่อนำมาทำวัคซีนชนิดฉีด วัคซีนต้นแบบทั้งสองชนิดพัฒนามาจากเชื้อของผู้ป่วยคนไทยที่ได้รับเชื้อราย แรก โดยได้มาจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยวัคซีนทั้ง 2 ชนิดอยู่ในขั้นตอนการทดสอบความสามารถในการเพิ่มจำนวนให้ได้ มากในไข่ไก่ฟัก ความปลอดภัย และความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในสัตว์ทดลอง คาดว่าภายใน 2-3 เดือนจะแล้วเสร็จจากนั้นจะส่งมอบให้องค์การเภสัชกรรม เพื่อใช้เป็นตัวเลือกสำรองในการผลิตวัคซีนต่อไป

ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/special/19046

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น