“สธ.ได้ส่งทีมสอบสวนโรคไปตรวจสอบแล้วว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด คืออะไร เพราะทราบว่า ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวหลายโรคมาก แต่ไม่ได้ทิ้งสาเหตุการตายจากวัคซีน เพราะไม่มีอะไร 100% อาจจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีโรคประจำตัวยังเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันความ เสี่ยงจากไข้หวัดใหญ่” รศ.นพ.ทวี กล่าว
รศ.นพ.ทวี กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการ ยังไม่มีมติให้มีการกระจายยาในระดับคลินิก ไม่ได้หมายความว่า ในเชิงปฏิบัติไม่สามารถทำอะไรได้เลยโดยเฉพาะโครงการที่นำร่องไปแล้ว ก็สามารถดำเนินต่อไปได้ และสามารถมีการเปลี่ยนแปลง หรือขยายโครงการได้ในอนาคต ส่วนความคิดเห็นของนักวิชาการที่มีความแตกต่างกันนั้น ถือว่าเป็นการแสดงความคิดที่อิสระ ซึ่งจะมีการชั่งผลดีผลเสียว่าอะไรมากกว่ากัน อาจไม่ต้องดี 100% แต่มีผลดีมากกว่าผลเสียก็คงต้องดำเนินการ ขณะเดียวกัน ถ้ามีผลเสียมากกว่าก็ต้องเลิกเช่นเดียวกัน ซึ่งคณะอนุกรรมการจะมีการประชุมหารืออีกครั้งในวันที่ 3 ส.ค.นี้
นพ.มล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า แนวทางหลักในการพิจารณาคลินิกที่จะสามารถจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ให้กับผู้ ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009ได้นั้น แพทย์ที่ประจำคลินิกจะต้องเข้ารับการอบรมเรื่องแนวทางการรักษาจาก สธ.โดยเฉพาะแพทย์ที่ไม่ได้ปฏิบัติงานในระบบราชการ ที่สำคัญ ผ่านหลังการอบรม แพทย์จะต้องได้รับใบรับรองจาก สธ.ให้เป็นแพทย์ที่สามารถประเมินอาการ วินิจฉัยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และสั่งจ่ายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ได้เท่านั้น และคลินิกแต่ละแห่งจะต้องมียาสำรองได้ไม่เกิน 50 เม็ด
แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ในการแถลงข่าวสรุปสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รอบสัปดาห์ของ สธ.ในวันที่ 29 ก.ค. คาดว่า จะมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 21 ราย เฉลี่ยวันละ 3 ราย ยอดสะสมรวม 65 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มกว่า 2 พันราย ยอดผู้ป่วยสะสมกว่า 8,000 ราย
ที่มา: http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000085468
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น