ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552

พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่2009เสียชีวิตรายแรกในแอฟริกาใต้และอินเดีย

คมชัดลึก :พบผู้เสียชีวิตจากหวัด 09 รายแรกในแอฟริกาใต้ และอินเดีย แพทย์เร่งตรวจสอบเพิ่ม หาจุดเชื่อมโยง ผู้ป่วยรายนี้อายุ 22 ปี สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ขณะผลวิจัยทางการแพทย์ ระบุ ยาต้านไวรัสทั้งทามิฟลูและรีเลนซา ไม่ช่วยสกัดกั้นการติดเชื้อเอช1เอ็น1 ประเภทA แก่ประชาชน

เอเอฟพี รายงานว่า แอฟริกาใต้ซึ่งเป็นแหล่งแพร่ระบาดหนักของเชื้อไวรัสเอชไอวี ต้นตอของโรคเอดส์ ประกาศเมื่อวันจันทร์(3ส.ค.)ว่าพบผู้เสียชีวิตเพราะไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายแรก เป็นนักศึกษาวัย 22 ปี ซึ่งเป็นคนหนุ่ม ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์

"นักศึกษารายนี้ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา เราได้ทำการตรวจสอบร่างกายนักศึกษารายนี้เพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจถึงสาเหตุการตาย แต่การตรวจสอบช่วงที่ผ่านมา ยืนยันแล้วว่า เขามีเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 ประเภท "นายฟิเดล ฮาเดเบ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ กล่าว

ทั้งนี้แอฟริกาใต้ ซึ่งประชากรมีสัดส่วนการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีสาเหตุของโรคเอดส์สูงที่สุดของ โลกเกือบ 19% ของจำนวนประชากร 49 ล้านคน ถือได้ว่าดินแดนแห่งนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นแหล่งระบาดรุนแรงของไวรัสเอ ช1เอ็น1 ประเภท Aต้นเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพราะคนส่วนใหญ่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และนับตั้งแต่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายแรกเมื่อวันที่ 14ก.ค.เป็นต้นมา ยอดผู้ติดเชื้อในแอฟริกาใต้ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 4 เท่า

ขณะ ที่ เจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขของอินเดีย ซึ่งไม่ยอมเปิดเผยชื่อระบุว่า เด็กสาวชาวอินเดียในเมืองปูเนวัย 14 ปี ซึ่งเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ได้เสียชีวิตลงแล้ว หลังจากถูกนำตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งได้เพียง 6 วัน เมื่อวันที่ 27 ก.ค.

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีหน่วยงานด้านสาธารณสุขของเมืองหรือแม้แต่หน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยว ข้องออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับการรายงานข่าวชิ้นนี้ แต่สำนักข่าวเพรสส์ ทรัสต์ ออฟ อินเดีย ซึ่งเป็นสำนักงานข่าวภายในประเทศของอินเดีย รายงานว่า ก่อนที่เด็กสาวรายนี้ จะเสียชีวิต แพทย์ได้ให้เธอรับประทานยาโอเซลทามิเวียร์ ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส แต่ร่างกายเธอไม่ตอบสนองการรักษาและเสียชีวิตเมื่อเย็นวันจันทร์ (3 ส.ค.)หลังจากการทำงานของอวัยวะหลายส่วนล้มเหลว

ขณะเดียวกัน คณะนักวิจัยกลุ่มหนึ่ง ได้นำเสนอรายงานในแอนนัลส์ ออฟ อินเตอร์นัล เมดิซินว่า การรักษาผู้ป่วยที่มีสุขภาพแข็งแรงติดต่อกันหลายสัปดาห์ด้วยยาทามิฟลูของโรช โฮลดิงส์ หรือยารีเลนซา ของแกล็กโซสมิธไคลน์ อาจทำให้ผู้ป่วยบางคนไม่แสดงอาการป่วยของไข้หวัดใหญ่ออกมาให้เห็นได้ แต่ยาเหล่านี้ ไม่ได้ช่วยสกัดกั้นประชาชนไม่ให้ติดเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 ที่เป็นต้นตอของไข้หวัดใหญ่

โดยผลการศึกษาในช่วงก่อนหน้านี้ ของคณะนักวิจัยชุดนี้ บ่งชี้ว่า ในจำนวนผู้ป่วยจำนวน 25 คนที่ได้รับการรักษา มีผู้ป่วยหนึ่งราย ที่ไม่มีอาการป่วยปรากฏให้เห็นหลังจากได้รับยาดังกล่าวไปแล้ว เพราะฉะนั้น การสำรองยาต้านไวรัสของทั่วโลกจึงไม่เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนรอดพ้นจากการ เจ็บป่วยเพราะไข้หวัด ด้วยเหตุนี้ จึงควรให้ยาต้านไวรัสแก่ประชาชนบางกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อ ก่อนเป็นกลุ่มแรก

เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก(ฮู) รายงานตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกมีจำนวนกว่า 134,000 คน มีผู้เสียชีวิตจำนวนกว่า 800 คนขณะที่วัคซีนที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อจะมาถึงมือผู้ป่วยในสหรัฐเร็วที่ สุดก็เดือนก.ย.นี้

ที่มา: http://www.komchadluek.net/detail/20090804/22973/%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%9409%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น