ลิงค์ผู้สนับสนุน

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

องค์การอนามัยโลกระบุวัคซีนไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่2009 พร้อมใช้ในเดือนหน้า

เอเจนซี/เอเอฟพี - วัคซีนต่อสู้กับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่2009ชุดแรก จะผ่านการรับรองและพร้อมสำหรับนำไปรักษาผู้ป่วยในบางประเทศในเดือนกันยายน องค์การอนามัยโลกระบุเมื่อวันพฤหัสบดี(6)

แมรี่ พอล คีนีย์ ผู้อำนวยการด้านวิจัยวัคซีนขององค์การอนามัยโลก ยังระบุด้วยว่าปริมาณผลผลิตวัคซีนกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ หลังมีตัวเลขที่น่าผิดหวังในช่วงเริ่มต้นที่จุดชนวนความกังวลต่ออุปทาน วัคซีน

"ดิฉันคิดว่ายังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าคำถามเหล่านี้คลี่คลายลงไปแล้ว แต่มันดูเหมือนว่าเราได้พบแแนวทางสำหรับโอบล้อมปัญหานี้" คีนีย์บอกกับผู้สื่อข่าว "เราอยู่ในเส้นทางที่ดีขึ้น"

คาดหมายว่าผลการทดลองทางคลินิกแรกจะมีออกมาในช่วงต้นเดือนหน้าและผลทดลองนี้จะแสดงให้เห็นว่าต้องใช้ยา 1 หรือ 2 โดส ถึงจะรักษาคนไข้ให้พ้นอันตราย -- ขณะที่ปัจจัยผันผวนอีกอย่างคือการกำหนดว่าจะมีประชาชนมากแค่ไหนที่ต้องการ เข้าถึงวัคซีนนี้

เมื่อผลการทดลองทางคลินิกแรกมีออกมา ผู้วางกฎระเบียบก็จะสามารถรับรองวัคซีนนี้นับตั้งแต่เดือนหน้าและคาดหมายว่า ในเดือนเดียวกันนี้เองวัคซีนก็พร้อมนำไปรักษาผู้ป่วย คีนีย์กล่าว

การระบาดของไวรัสเอช1เอ็น1 ซึ่งถูกประกาศให้เป็นโรคระบาดเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกและคาดกันว่าท้ายที่สุดแล้วจะมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 พันล้านคน

ความกังวลว่าเชื้อหวัดตัวนี้อาจดื้อยาต่อต้านไวรัสทามิฟลูได้ย้ำถึง ความจำเป็นต้องมีวัคซีนต้านไวรัสเอช1เอ็น1 เข้าสู่ตลาดโดยเร็ว

มากาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่อยู่ในภาวะเสถียรและไม่มีสัญญาณว่ามันจะ ผสมกับไวรัสตัวอื่นๆที่มีอันตรายมากกว่า อาทิไวรัสเอช5เอ็น1 หรือไข้หวัดนก

องค์การอนามัยโลกระบุว่าวัคซีนจำเป็นต้องหยิบหามาใช้ได้โดยเร็วที่ สุดและในปริมาณที่มากพอ รวมทั้งยืนยันว่าการรับรองที่รวดเร็วไม่ได้ละเลยด้านความปลอดภัย

ด้านกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี(6) ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นจาก 27 เป็น 36 คนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่โดยรวมยอดผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

สำนักงานป้องกันด้านสาธารณสุขอังกฤษระบุว่าพบผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 30,000 รายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา น้อยกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 110,000 คน นอกจากนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังมีอาการไม่รุนแรงด้วย

ที่มา: http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000089540

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น